กำแพงเสน่หา เล่ม 1 (กรุง ญ ฉัตร)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: -
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 37.50 บาท
ประหยัด: 112.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

ทำไมน่ะ ทำไมแม่คนนั้นไม่ไปผุดไปเกิดเสียที?

เสียงร้องอย่างกราดเกรี้ยวของอามีนาผู้เป็นบุตรสาว

คนเล็กทำให้คุณชงโคและอสิตบุตรชายคนโตชะงักการ

เตรียมตัวจะออกไปธุระข้างนอก ทั้งที่วันนี้เป็นวันหยุด

เนื่องจากอนุศราบุตรสาวคนรองซึ่งแต่งงานไปกับนาย

พงศธร  วิภาตโยธิน เพิ่งจะคลอดบุตรชาย นัยว่า

พงศธรซึ่งมีบุตรสาวคนโตเป็นลูกติดจากภรรยาเก่าชาว

ต่างชาติ ซึ่งหย่าร้างกันไปแล้วเห่อและตื่นเต้นมากรับ

ขวัญด้วยการฝากเงินเป็นทุนการศึกษาให้บุตรชายหนึ่ง

ล้านบาท

“…ยายมีนา...เป็นอะไรจ๊ะ? กรี๊ดๆ น้ำหูน้ำตา

แต่เช้า

 

 

 

 

 

คุณชงโคทักทายบุตรสาวที่เอาดอกกุหลาบแดงเหวี่ยง

ลงกับพื้นอย่างหัวเสีย อสิตพูดพึมพำ

“รายการนี้ต้องไปกินแห้วบ้านคุณสุรทินมาแน่ๆ

กุหลาบถึงถูกเหวี่ยงหวือแบบนี้...”

“แม่คะ พี่สิตเยาะเย้ยมีนา แม่ต้องจัดการให้มีนา

นะคะ ไม่อย่างนั้นมีนาไม่ยอม”

บุตรสาวคนเล็กก็ร้องเอะอะโวยวาย

“ไม่ยอม!  ไม่ยอมจริงๆ ด้วย”

“ไม่ยอม!” พี่ชายพึมพำเป็นเชิงยั่วน้องสาวให้มีอาการ

หัวฟัดหัวเหวี่ยง “ก็ต้องขี่ม้าสามศอกไปฟ้องแม่ยาย”

“คุณแม่!”

“นายสิตน่า...อย่ายั่วน้องเลย...แม่จะประสาทเสียอยู่

แล้วน่ะ น้องร้องกรี๊ดๆ แบบนี้ไม่เห็นจะฟังเลย”

มารดาพูดปรามๆ บุตรชาย และทำหน้าเอือมๆ กับ

ท่าทางกรี๊ดกร๊าดของบุตรสาว หันมาถามอามีนา

“มีอะไรยายมีนา  พูดมา แม่กับสิตจะไปเยี่ยมนุศกับ

ลูกชาย?”

“คุณแม่ก็เห่อหลานชาย...พอมีหลาน...มีนาก็เลยกลายเป็น

หมาหัวเน่า”

“เหม็นตุๆ อีกต่างหาก”

อสิตอดมิได้ที่จะพูดยั่วอีกขณะที่มารดาถลึงตาดุใส่

 

 

 

 

เจ้าตัวจึงสงบปากสงบคำเสียได้ และอามีนาก็เล่าให้ฟัง

อย่างน้อยใจ

“คุณทินค่ะแม่...มีนาอุตส่าห์นัดหมายไว้ดิบดีแล้วว่า

วาเลนไทน์ปีนี้เราจะชวนกันไปฉลองที่ระยอง”

“แล้วเขาก็ไม่อยู่  แกก็เลยโมโหงั้นสิ...”

บุตรสาวทำตาโตกับที่มารดาพูด

“แม่คะ...แม่รู้ได้ยังไงกัน?”

“ก็มันเป็นปีที่สามแล้วไม่ใช่หรือที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้...”

“ใช่! แกน่าจะรู้สึกชินแล้วน่ะมีนา...ว่าคุณทินเขาไม่มีวาเลนไทน์สำหรับแกนอกจากผู้หญิงคนนั้นคนเดียว”

“ทำไมนังสุริยาวดีมันไม่ไปผุดไปเกิด?”

อามีนาร้องอย่างเข่นเขี้ยวในใจ

“มันยังอยู่ในความทรงจำของคุณทินตลอดชีวิตของ

เขาเชียวหรือ ทั้งที่มันตายไปตั้งสามปีกว่าแล้ว”

“แกอยากรู้ก็ตามไปที่ฮวงซุ้ยถามคุณสุริยาวดีเธอสิว่า

มีอะไรดีๆ คุณทินถึงยังไม่ยอมลืม”

“…ไม่ต้องมาพูดท้ามีนาหรอกน่ะพี่สิต”

“แกกล้าไปถามจริงๆ บางทีคุณวดีที่อยู่ในฮวงซุ้ยอาจ

จะลุกขี้นมาตอบคำถามแกให้หายสงสัยก็ได้ แกอย่าจับไข้

หัวโกร๋นก็แล้วกัน”

“พี่สิตบ้า!  ไม่ต้องมาว่ามีนาดีหร็อกน่ะ  ตัวเองก็บ้ารัก

 

 

 

 

 

 

แม่วดีนั่นเหมือนกันใช่ไหมล่ะ ?”

เมื่อโดนน้องสาวพูดยอกย้อน อสิตก็หน้าตาเคร่งขรึม

คุณชงโคเห็นสีหน้าไม่สู้ดีของบุตรชายคนโตก็ยุติการสนทนา

“เราไปกันเถอะตาสิต...จะสิบเอ็ดโมงแล้ว ยายมีนาไป

ดูหลานชายด้วยกันไหม?”

ตอนท้ายมารดาหันมาชวน...ขณะที่บุตรสาวคนเล็กส่าย

หน้าไปมา

“…ไม่ล่ะค่ะ  ไม่อยากอยู่ในบรรยากาศแห่งความสุข

เพราะตัวเองหาความสุขไม่ได้...”

“When I said I love you

Every beat of my heart said it too…”

            บริเวณสุสานแห่งนั้น...เงียบเหลือเกิน  ขณะที่ลมพัด

แรงในยามเริ่มใกล้พลบค่ำกรรโชกแรงจนใบไม้บริเวณรอบๆ

จากต้นเกลื่อนปลิวกระจาย  ทว่าร่างสูงๆ  ของชายหนุ่มที่

ยืนอยู่บริเวณนั้นตั้งแต่ตอนสายๆ  จวบจนพระอาทิตย์

กำลังจะลับขอบฟ้ายังคงยืนนิ่งราวกับรูปปั้นที่ปราศจากชีวิต

จิตใจ  มือที่กุมดอกกุหลาบแดงบีบกระชับเข้าหากันแน่น

จนหนาม  แหลมของกุหลาบตำเลือดไหลซิบๆ  มันหยด

แหมะเป็นดวงด่างกระทบบริเวณหินอ่อน  หากร่างนั้นก็ยัง

คงยืนเฉย  ดวงหน้านั้นคร้ามคม  ดุจรูปปั้นสลักมากกว่า

 

 

 

 

 

คนที่กำลังมีชีวิตเลือดเนื้อ  ดวงตาดำเข้มจุดประกายจ้าจัด

เมื่อเสียงเพลงบทนั้นดังจากวิทยุแว่วๆ  แข่งกับพายุฟ้ามืด

มัวดิน  ที่ทำท่าจะหอบเอาฝนมาโปรยปรายในไม่ช้านี้

            ใครหนอ?  ที่แกล้งเปิดเพลงนี้...อีกช่างทรมานหัวใจ

ของเขานัก...ทรมานอย่างร้ายกาจ

                แต่บริเวณสุสานแห่งนี้ก็ไม่น่าจะมีใครโรแมนติก

ขนาดเปิดเพลงพวกนี้แน่  และถ้าจะเปิดคงไม่ทรมานฟัง

เพลงเหล่านี้ให้จั๊กจี้หูเล่น  วูบหนึ่งที่เขาคิดถึงร่างซึ่งนอน

นิ่งอยู่ในหลุม  รอยยิ้มขื่นขมปรากฏในดวงตาขณะวางช่อ

กุหลาบพิง  กับฮวงซุ้ยหินอ่อนแห่งนั้น

“...วาเลนไทน์...สำหรับวดี...ยอดรักของผม”

เงาเลือนๆ  นั้นวาบเข้าตา...เหมือนกับทุกปีที่เขาเห็น

รอยยิ้มอันอ่อนหวานของเธอในวันนี้  ใครจะนึกหนอวันนี้

คือวันที่เขาและสุริยาวดีได้พบกัน   และวันนี้อีกเช่นกันที่เขา

ต้องสูญเสียสุริยาวดีไปอย่างไม่มีวันได้เธอคืนกลับมา  ภาพ

อุบัติเหตุที่ผู้หญิงคนนั้นได้รับจากรถชนกัน  ยังเต้นเร่าความ

รู้สึกของเขาให้เร่าร้อนปวดแปลบและโหยหาดั่งจะด่าวดิ้น

                “…คุณทิน...ถ้าวดีตายสัญญานะคะจะไม่เผา  ชีวิต

ของวดีตั้งแต่เกิดจนโตขึ้นมามันร้อนพอแล้ว  ขอให้ไอดิน

ช่วยซับความร้อนของชีวิตที่ต้องผ่านมาให้คลายด้วยเถิด...

สัญญานะคะคุณทิน”

 

 

 

 

 

“ผมสัญญา”

เขาให้คำมั่นสัญญา  ทั้งที่ทราบว่าเธอไม่มีโอกาสรับ

ทราบอีกแล้ว...เขาอยากจะบอกเธอให้รับทราบถึงความรู้สึก

ของหัวใจขณะนี้เหลือเกินว่าไม่ยามหลับหรือตื่นหัวใจ

เขายังถวิลหาความรักในตัวสุริยาวดีมิรู้ลืมเลยทีเดียว  ดวง

อาทิตย์ยามเย็นที่กำลังค่อยๆ  หายไปจากฟากฟ้าอย่างอ้อย

อิ่งเหมือนอาวรณ์ฟากฟ้า  ช่างผิดกับความรักของเขาที่

มลายวับไปกับตาอย่างรวดเร็ว

                “โอ้ตะวันครั้นจะลบภพไตร

                ก็อาลัยโลกยังหยุดรั้งรอ

                อนาถนักรักเอ๋ยมาเลยลับ

                ดังเพลิงดับเด็ดเดี่ยวไปเจียวหนอ”

            เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น  จนกระทั่งฝนตกลงมาปรอยๆ

และเริ่มตกหนักมากขึ้นทุกทีจนเขาต้องขยับตัว  รู้สึกเหมือน

เหน็บจะกินขา  สายฝนที่ตกลงมาทำให้บริเวณนั้นแฉะมาก

ทุกอย่างก็คือความเงียบ  เขาคุกเข่าใช้มือแตะหินอ่อนของ

ฮวงซุ้ยบริเวณที่มีรูปของสุริยาวดีติดอยู่

                “วดี...ใกล้ค่ำแล้วผมกลับละนะ  กุหลาบแดงที่ผม

เอามาคงทำให้คุณสดชื่น   หลับและฝันดีจนชั่วนิรันดร์

หลับให้สบายเถอะน่ะครับ...อีกไม่นานผมจะตามไป”

            ฝนตกเปียกจนร่างสูงๆ  ที่วิ่งฝ่าฝนมาที่รถจอดอยู่

 

 

ชุ่มไปหมด  ผมเผ้าเปียกลู่  เขาไขกุญแจรถเพื่อจะเปิด

ประตูเข้าไปแล้วก็ชะงักเนื่องจากประตูรถเขาไม่ล็อกและ

เปิดออก  พร้อมกับดวงหน้าสดใสมีหยดน้ำเกาะพราวของ

เด็กสาวคนหนึ่งโผล่ออกมา  สุรทินขมวดคิ้วเข้าหากันอย่าง

ไม่สบอารมณ์นัก

                แต่ฝนที่ตกลงมาอย่างหนักทำให้เขาไม่อาจยืนอยู่นอก

รถได้นาน  เขาเพิ่งเห็นว่าถัดจากรถเขาไปอีกช่วงตัวมีรถ

สปอร์ตคันเล็กสีแดงแสบตาบอกถึงความร้อนแรงของผู้เป็น

เจ้าของ  หล่อนยิ้มจนเห็นฟันขาว  ทักทายกับเขา  ลักษณะ

ของหล่อนก็คงเปียกฝนมะล่อกมะแล่กมาเช่นกัน  ผมดำ

ออกน้ำตาลและลูกตาแจ่มแจ๋วออกสีเดียวกับผม  จมูกโด่ง

ละม้ายชาวตะวันตก  เพียงมองปราดเดียวก็สรุปได้ทันทีว่า

                “ลูกครึ่ง”

            เสื้อผ้าที่เจ้าหล่อนใส่นั้นก็ดูช่างประหยัดผ้าสมกับ

ภาวะเศรษฐกิจของชาติที่เงินบาทกำลังลอยตัว  กระโปรง

สั้นเต่อเวลาก้มก็เห็นแก้มก้นง่ายๆ  ในยามที่เจ้าตัวนั่ง

แบบนี้ก็เห็นเรียวน่องขาวเรียวเป็นน่องแท้ๆ  ไม่มีถุงน่อง

สวมด้วย  เรียกได้ว่าโชว์เนื้อนวลจริงๆ

                “สงสัยแม่คนนี้คงรักชาติ  เชื่อฟังนโยบายประหยัด

อย่างสุดหัวใจ  ทั้งเสื้อผ้าและกระโปรงจะเจียดแล้วถึงสอง

เมตรหรือเปล่านะ  แต่งตัวแบบนี้ถ้าถูกข่มขืนจากพวก

 

 

 

 

มิจฉาชีพก็ไม่แปลกเลย  ยั่วยวนเชื้อเชิญ...”

            สุรทินคิดอย่างดูถูกแต่สิ่งที่เขาพูดออกมาก็คือ

                “ขอโทษ  ผมคิดว่าคงมีการเข้าใจอะไรผิดสักอย่าง

นี่รถของผม”

            “คุณคงแปลกใจ...เอ้อทำไมเรนถึงได้มานั่งรถคุณ

อย่างนั้นใช่มั้ยคะ”

            “ใช่!  และแปลกใจเป็นอย่างมากทีเดียวที่เธอมานั่ง

ในรถฉันได้โดยที่ฉันล็อกรถเอาไว้แท้ๆ”

            “โธ่!  เรื่องแค่นี้เองสบายมากค่ะ”

            หล่อนหัวเราะขณะที่ชูอวดพวงกุญแจในมือของเจ้าหล่อน

                “เรนเสียอย่าง  ขุนแผนสะเดาะกลอนเจ้าเก่า

                “เคยทำมากี่หนแล้วล่ะ”

            “รอบนี้เป็นรอบที่ห้าค่ะ  ก็ความจริงไม่ตั้งใจหร็อก

แต่ทีนี้เพื่อนเรนเป็นพวกขี้ลืมชอบล็อกกุญแจรถประจำ

เลยต้องพกกุญแจเทียมสำรองไว้แยะ”

            หล่อนพูดแจ๋วๆ  ฝนตกลงมาค่อนข้างหนัก  หล่อน

หยิบผ้าเช็ดหน้าคล้ายผ้าขนหนูยื่นส่งให้เขา

                “เช็ดหน้าเสียก่อนสิคะ  ขอรับรองว่าสะอาดยังไม่ได้

ใช้เลยค่ะ”

            เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าจากแม่สาวแปลกหน้าที่เรียกตัวเอง

ว่าเรน  ชื่อจริงๆ  คงจะเป็นพิเรนทร์ตามบุคลิกท่าทางของ

 

 

 

เจ้าหล่อนกระมัง  มีกลิ่นหอมอ่อนๆ  คล้ายโอดิโคโลญจน์

มาเช็ดหน้า  กลิ่นนั้นโชยติดจมูก  เสียงหล่อนพูดแจ๋วๆ

                “ฉันขับรถผ่านมาทางนี้ยังไม่ทันไรไอ้แก่มันเก๊าะโกง

หยุดพรืดเอาดื้อๆ  มันเป็นโรคออเซาะค่ะ  พอเห็นฝนฟ้า

ครึ้มชาวบ้านแค่เป็นหวัด  หน็อยไอ้แก่มันนิวมอเนียร์เจี๊ยะ

เสียแล้ว”

                “คุณก็เลยถือโอกาสมานั่งรถผมโดยไม่ได้รับอนุญาต”

                เขาทำเสียงอย่างหนึ่งเหมือนดูถูก  หล่อนหัวเราะหน้า

ระรื่นพูดเสียงแจ๋วๆ

                “ฉันไม่ได้ถือโอกาส...ถามลุงตี้คนเฝ้าสุสานแกบอก

ว่าคุณมาคารวะศพ”

            “ผมมาเพื่อความคิดถึง”

                เขาขัดเสียงห้วนๆ  หล่อนก็อือออกับเขา  และพูด

ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

            “แปลกจัง  ฉันเคยเห็นคนมาที่นี่วันเช้งเม้งแต่คุณ

กลับมาวันวาเลนไทน์  กุหลาบแดงสวยสะพรั่งมากทีเดียว”

            เขาหันขวัญไปจ้องหน้าหล่อน  ทว่าดูเหมือนเจ้าหล่อน

ไม่สนใจนัก  พูดจ๋อยๆ

                “ตอนแรกฉันคิดว่า  จะเข้าไปพูดกับคุณแต่ขนาดว่า

เสียงเพลงวิทยุของฉันออกดังลั่นคุณยังไม่รู้สึก  ฉันเลยไม่

อยากทำลายความโรแมนติกของคุณที่มีต่อศพ”


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (66 รายการ)

www.batorastore.com © 2024