หัวข้อข่าว

            ถ้าคุณเคยเข้าร้านหนังสือเพื่อไปหาหนังสือหุ้นหรืออ่านเว็บบอร์ดที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเงินๆทองๆทั้งหลาย รับรองได้ว่าคุณจะต้องเจอกระทู้หรือเรื่องราวที่เกี่ยวกับการลาออกจากงานประจำแล้วมาเล่นหุ้นอย่างเดียว ซึ่งก็จะมีผู้ที่เข้ามาตอบมากมาย มีทั้งคนที่เข้ามาตอบเล่นๆ ตอบจริงจัง ตอบแบบแซว ตอบแบบตักเตือน ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นบ่อยมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งในภาวะที่หุ้นทำกำไรให้กับคนหลายต่อหลายคนอย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่ถ้าถามจริงๆ แบบซีเรียสว่าการทิ้งงานทิ้งการที่ได้เงินเดือนอย่างแน่นอนทุกๆ เดือน เพื่อออกมาเล่นหุ้นที่บางเดือนอาจจะได้ บางเดือนอาจจะเสียนั้น มันเป็นการกระทำที่ดีแล้วจริงๆหรือ สำหรับคนที่มีเงินไม่มากแล้วคิดจะทำกำไรให้ได้ซักวันละสองสามพันติดต่อกันทุกวันนั้น สิ่งที่คิด กับสิ่งที่สามารถทำได้จริงนั้น แน่นอนว่าเป็นละเรื่องเดียวกันอย่างแน่นอน             ต้องบอกก่อนว่าอันนี้ไม่นับนักลงทุนในหุ้นระยะยาวที่มี..

            สำหรับคนที่ต้องการเริ่มทำธุรกิจอะไรซักอย่างนั้น ก่อนที่จะเริ่มทำควรต้องเริ่มจากการหาความรู้ด้วยการเข้าร้านหนังสือเสียก่อน เพราะการทำธุรกิจนั้นมีความซับซ้อน และต้องใช้องค์ความรู้มากมายเกินกว่าที่คนเพียง 1 คนจะสามารถเข้าใจได้หมดโดยไม่ศึกษาอะไรเลย ยิ่งถ้าเรากระโดดเข้าไปทำอย่างหุนหันพลันแล่นรับรองได้เลยว่าจะต้องเจ็บตัวกลับมา อย่างแน่นอน ไม่ว่าจะต้องเสียเงินทอง เสียเวลา และเสียความมั่นใจในตัวเอง ล้วนแล้วแต่ทำให้เราพลาดที่จะเอาเวลาไปทำอย่างอื่นที่อาจจะดีกว่า คำถามคือ แล้วเราควรเข้าไปทำเลยเพื่อศึกษาจากความผิดพลาด หรือควรที่จะลองเข้าร้านหนังสือเพื่อไปหาหนังสือเกี่ยวกับการทำธุรกิจมาลองศึกษาดูก่อน ซึ่งจากการศึกษาผู้มีความรู้อย่างนักลงทุนระดับโลกหลายคนก็ทำให้ผมพบว่าเราควรที่จะอ่านหนังสือให้มากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ และยิ่งโดยเฉพาะการอ่านนิตยสารรายสัปดาห์หรือรายเดือนที่เกี่ยวกับนวัตกรรมทางธุรกิจหรือข่าวสารเรื่องราวใหม่ๆที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกิจต่างๆ จะเป็นการเปิดโลกของเราให้..

            นักลงทุนทุกท่านต้องเคยศึกษาเรื่องอัตราการเติบโตของแต่ละธุรกิจที่ได้สนใจจะเข้าลงทุนมาก่อนแล้วทั้งสิ้น อัตราการเติบโต ตัวเลขนี้มันคืออะไรกันแน่ และมันบอกอะไรเราได้บ้าง หุ้นโตช้า หุ้นโตเร็ว หุ้นไม่เติบโต มีสิ่งที่แตกต่างกันอย่างไร และเราควรเลือกซื้อหุ้นแบบไหน มีตัวแปรต่างๆมากมาย โดยที่อัตราการเติบโตนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญมากในการที่จะก้าวไปสู่ความมั่งคั่งทางการเงิน เพราะการที่เราซื้อหุ้นที่มีอัตราการเติบโตต่ำแล้วถือไว้เป็นระยะเวลานาน มันหมายถึงราคาหุ้นมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นน้อยมาก ถ้าเราไม่ได้ซื้อมาในราคาถูกจริงๆ แต่หุ้นโตเร็วล่ะ ถ้าเราซื้อแล้วจะได้กำไรชัวร์เลยหรือ? แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าหุ้นตัวนี้เป็นหุ้นโตเร็ว สามารถดูได้จากการเติบโตของกำไรอย่างเดียวเลยหรือไม่ หรือดูที่ กระแสเงินสด หรือแม้แต่บางธุรกิจในต่างประเทศโดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีนั้น ไม่มีกำไรเลย แต่มีฐานลูกค้าเป็นร้อยล้านคน ภายในระยะเวลาเพียง 3-4 ปีนี่ก็เรียกได้ว่าเ..

            ในช่วงหลังๆ มานี้ผมสังเกตเห็นว่าร้านหนังสือการ์ตูนเช่านั้นได้มีจำนวนลดลงไปมาก เนื่องจากว่าผมทำธุรกิจเกี่ยวกับหนังสืออยู่ และได้มีการเสนอเซ้งร้านหนังสือการ์ตูนเช่าจำนวนมาก ขนาดที่ว่ายอมขายลดราคาแบบสุดๆ ซึ่งก็แสดงให้เห็นว่า การทำร้านการ์ตูนเช่านั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด ซึ่งเหตุผลที่ผู้ขายนั้นได้บอกผมว่าทำไมถึงขาย ส่วนใหญ่ก็จะมีต่างๆนาๆ แต่เหตุผลหลักจริงๆแล้วคงจะเกิดจากการที่มีผู้เช่าน้อยลงมากๆ ไม่ว่าผู้เช่าจะหายไปด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แต่นี่เป็นลางบอกเหตุอย่างนึงว่า หนังสือการ์ตูนนั้นเริ่มที่จะมีความน่าสนใจเรื่อยๆ อย่างน้อยก็ใน model การเช่า ผมกำลังคิดว่าอีกไม่ช้าก็เร็วร้านเช่าหนังสือการ์ตูนอาจจะหายไปจากประเทศไทยทั้งหมด สำหรับผู้ที่คิดจะทำธุรกิจนี้อาจจะต้องลองคิดใหม่ เนื่องจากการเข้าไปทำธุรกิจที่อยู่ในขาลงให้ประสบความสำเร็จนั้นถือว่าได้ว่ายากมากถึงยากที่สุด ซึ่งขาลงของหนังสือการ์ตูนเช่านั้น ไม่ทราบว่าจะมีความเกี่ยวข้องกับธุรกิจขายหนังสือการ์ตูนหรือไม่ แต่เท..

            พวกเราคงเคยได้ยินข่าวต่างๆ เกี่ยวกับนักธุรกิจที่ได้ขายกิจการของตัวเองออกไป ทั้งๆ ที่ตนเองเริ่มต้นธุรกิจขึ้นมากับมือ โดยใช้เวลาหลายสิบปีในการปลุกปั้นมันขึ้นมา และด้วยน้ำพักน้ำแรง หยาดเหงื่อแรงกายที่เสียไปนับไม่ถ้วน สุดท้ายก็ได้ขายธุรกิจนั้นออกไปให้กับนายทุนที่ใหญ่กว่าเป็นเงินหลายพันล้าน หรือแม้แต่หลายหมื่นล้านบาท คำถามคือ สำหรับผู้ขายธุรกิจแล้วมันเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องหรือไม่? เราอาจจะต้องลองมาดูเป็นเคสต่างๆที่เคยเกิดขึ้นโดยจะมีการหยิบเอาเคสที่ดังๆมาลองดูกันครับ เริ่มต้นจากการขายชินคอร์ปของอดีตนายกครับ หลังจากขายไปแล้วได้เงินมาประมาณ 70,000 กว่าล้าน เวลาก็ได้ล่วงเลยมาอีกเป็นเวลาหลายปี ธุรกิจโทรคมนาคมได้เปลี่ยนไปมากมาย มีบริการใหม่ๆ เข้ามาเริ่มต้นธุรกิจเดิมเกิดขึ้นมากมาย รวมทั้งสามารถทำกำไรได้มากกว่าเก่าหลายเท่า ทำให้ราคาหุ้นขึ้นไปอีกมากมาย ซึ่งทำให้ถ้ายังถือหุ้นนี้อยู่ถึงปัจจุบันก็จะมีมูลค่ามากกว่า 70,000 ล้าน อาจจะไป..

            มันคืออะไรหนอ hikikomori??? จริงๆ แล้วมันก็คือชื่อเรียกผู้คนที่ไม่ชอบออกจากบ้าน อาจจะชอบอ่านหนังสือการ์ตูนอยู่บ้านนั่นเอง ซึ่งอาจจะเรียกว่า มันเป็นชื่อของ โรคอย่างหนึ่งก็ได้ โดยที่โรคนี้มีอาการคือไม่สามารถออกไปพบเจอผู้คนได้ ไม่สามารถแม้แต่จะออกจากห้องของตัวเอง โดยที่ประเทศญี่ปุ่นมีผู้คนที่เป็นฮิคิโคโมริอยู่จำนวนมาก แล้วมันยอดเยี่ยมยังไงหนอ เอิ่ม... คือว่าการเป็นฮิคินั้นมันมีข้อดีอยู่มากเลยทีเดียว เพราะนอกจากจะไม่ต้องทำงานแล้ว (มีพ่อแม่คอยเลี้ยง เอาอาหารมาให้หน้าประตู) ยังสามารถเล่มเกม อ่านหนังสือการ์ตูนหรือทำอะไรต่างๆ ได้อย่างมีอิสระอยู่ภายในห้องของตนเอง และไม่ต้องไปทำงานอีกต่างหาก เลยทำให้ไม่ต้องมานั่งปวดหัวกับหัวหน้าหรือเพื่อนร่วมงาน โดยเราไม่ต้องคุยกับคนอื่น แต่จะอยู่แต่ในโลกของตัวเอง อีกทั้งยังไม่ต้องเสียพลังงานและเงินทองในการเดินทางอีกต่างหาก โดยห้องของฮิคินั้นอาจจะดีมาก เพราะเต็มไปด้วยอุปกรณ์สร้างความบันเทิงต่างๆมากมา..

            ผมคิดว่านักลงทุนทุกคนคงไม่มีใครไม่เคยได้ยินนักลงทุนผู้ยิ่งใหญ่ที่มีชื่อว่า วอเร็น บัฟเฟต เป็นอย่างแน่แท้ เพราะเขาผู้นี้คือบุรุษผู้ร่ำรวยเป็นอันดับต้นๆ ของโลก โดยเคยเป็นผู้ที่รวยที่สุดในโลกในบางปีด้วย! ด้วยทรัพย์สินมากกว่า 50,000 ล้านสหรัฐ (ประมาณ 1,500,000,000,000 บาท) เขาทำธุรกิจอะไรและมีวิธีการลงทุนอย่างไร โดยถ้าท่านผู้อ่านที่ชอบอ่านหนังสือเกี่ยวกับวอเร็นนั้น อาจจะพบว่าส่วนใหญ่แล้วก็จะสอนหลักการในการเลือกหุ้นว่าต้องเลือกบริษัทที่เข้าใจง่าย ต้องสามารถคาดการณ์ผลการดำเนินงานได้ไม่ยาก และต้องซื้อในราคาที่ไม่แพงเกินไป แต่นอกจากการศึกษาหลักการเหล่านี้นั้น ผมคิดว่าจะเป็นการดีมาก ถ้าเราสามารถศึกษาให้ลึกยิ่งขึ้นด้วยการเจาะเข้าไปในบริษัทของบัฟเฟตเลยว่า เขามีวิธีอย่างไรในการ leverage ผลตอบแทนจากการลงทุนในหุ้นโดยที่แทบไม่ต้องกู้เงินเลย ซึ่งทำให้ความเสี่ยงที่บัฟเฟตจะเจ๊งนั้นน้อยมากๆ ต่างกับการที่บริษัทไปกู้เงินมาตรงๆ เลยนั้นล้วนแล้วแต..

            บทความอะไรเนี่ย อ่านหนังสือการ์ตูนเล่นเกมส์ดูเมะ? แปลกประหลาดที่สุด ผมกำลังจะพูดถึงงานอดิเรกประเภทหนึ่งที่เป็นงานอดิเรกที่ทุกๆ คนในประเทศไทยนั้นควรจะลองทำดู ซึ่งนั่นก็คืองานอดิเรกที่จะออกแนวโอตาคุซึ่งคือการ อ่านการ์ตูน เล่มเกม และดูอนิเมนั่นเอง โดยงานอดิเรกดังกล่าวนั้นเป็นงานที่จะช่วยทำให้สมองปลอดโปร่งและเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์มากงานหนึ่งเลยทีเดียว แต่ช่างน่าเสียดายที่เรานั้นมักจะชอบคิดว่าเด็กหรือวัยรุ่นที่ชอบเรื่องเหล่านี้นั้นใช้เวลาและเงินทองไปกับสิ่งที่เปล่าประโยชน์ แต่หารู้ไม่ว่า ไม่ว่าจะเป็นการ์ตูน เกมส์หรืออนิเมนั้น สำหรับต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศญี่ปุ่นนั้นถือว่าเป็นอุตสาหกรรมบันเทิงที่ใหญ่มาก อาจจะใหญ่และมีผู้สนใจมากกว่าละครหลังข่าวเสียอีก แต่กลับกันผู้ที่ชื่นชอบการดูการ์ตูนหรืออนิเมในเมืองไทยนั้นกลับเป็นกลุ่มเล็กๆ ถามว่าผมมาบ่นทำไม ก็เพราะว่ามันเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยของเรานั้นยังล้าหลังด้านการสร้าง..

            โมเดลธุรกิจนั้นคืออะไรกันแน่? ในความคิดของผมมันคือวิธีการสร้างมูลค่าให้กับธุรกิจ โดยในที่นี้หมายถึงวิธีการในการหารายได้ โดยก่อนที่เราจะสามารถหารายได้เข้ามานั้น ก็จำเป็นจะต้องมีลูกค้าหรือผู้ใช้งานสิ่งที่ได้สร้างขึ้นมาเสียก่อน โดยมูลค่าที่เราสร้างขึ้นมานั้นจะมากน้อยมีตัวแปรเพียงสองตัวเท่านั้น คือ จำนวนผู้ใช้งาน และ มูลค่าที่ผู้ใช้งานแต่ละคนใช้ ถ้าสองตัวแปรนี้มีค่ามาก ก็จะทำให้ธุรกิจนั้นถือว่าเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างมูลค่าได้มหาศาลเลยทีเดียว อย่างเช่น facebook มูลค่าที่สร้างนั้นครอบคลุมผู้ใช้งานกว่า 1,000 ล้านคน และแต่ละคนใช้เวลาเฉลี่ยอยู่กับ facebook ถึง 8 ชั่วโมงต่อเดือน หรือ 16 นาทีต่อวัน ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีสื่อไหนสามารถกินเวลาผู้คนจำนวนมากพร้อมกันได้มากขนาดนี้เกิดขึ้นมาก่อน ทำให้แม้แต่สถานีโทรทัศน์ที่มีโมเดลธุรกิจในการหารายได้จากการขายเวลายังไม่สามารถสร้างรายได้เทียบเคียง facebook เลยแม้แต่น้อย และการที่ผู้คนใช้เวลาบน f..

            หนังสือหุ้นและการเงินนั้นในปัจจุบันมีออกมามากมาย คำถามคือเราจะเลือกซื้ออย่างไรดี ก่อนอื่นต้องลองแบ่งประเภทนักลงทุนออกมาง่ายๆเป็น 2 ประเภท คือระยะสั้นและระยะยาว รายชื่อหนังสือดังต่อไปนี้ เป็นรายชื่อหนังสือสำหรับ "นักลงทุนระยะยาว" หรือผู้ที่ต้องการจะศึกษาการลงทุนแบบ value investment โดยจะเหมาะอย่างมาก (และจำเป็นอย่างมาก) สำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจลงลึกถึงแก่นของการลงทุนแนวนี้ (ซึ่งเป็นแนวทางการลงทุนเดียวกับวอเร็นบัฟเฟตอย่างแน่นอน) อาจจะไม่ครบ แต่ก็สามารถเป็นจุดเริ่มต้นที่ได้ครับ ถ้าผมไปอ่านเจอเล่มที่ดีๆก็จะลองนำมาอัพเดทรายชื่อนี้ครับ (เล่มนี้เนื้อหาค่อนข้างเก่าและเป็นการลงทุนที่อนุรักษ์นิยมมากแต่ถือว่าเป็นไบเบิ้ลของการเล่นหุ้นแบบเน้นคุณค่าเลยครับ) --- ดิ อินเทลลิเจนท์ อินเวสเตอร์ THE INTELLIGENT INVESTOR (ปรับปรุงใหม่) (หนังสือ 2 เล่มนี้เป็นหนังสือที่ยอดเยี่ยมที่สุดน่าจะติด top 3 ของผมเลยครับ ถ้าเป็นไปได้ลองอ่านเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษดูคร..

            ตอนเด็กๆ ผมชอบอ่านหนังสือการ์ตูนเป็นอย่างมาก เรียกได้ว่ามั่นใจเลยทีเดียวว่าถ้ามีเด็กซัก 100 คน ผมต้องติดอันดับ 1 ใน 5 ที่ซื้อการ์ตูนเยอะที่สุดเลยทีเดียว และเมื่อผมโตขึ้นมาจนเข้ามหาวิทยาลัยก็ยังคงซื้ออยู่เช่นเดียวกันแต่ก็ซื้อน้อยลงมาก โดยอาจจะหันไปใช้เวลาให้กับเกมออนไลน์แทน แต่สำหรับเรื่องการ์ตูนที่น้อยลงนั้น แน่นอนว่าซื้อน้อยลงจริง แต่ไม่ได้อ่านน้อยลงเลยแม้แต่นิดเดียว โดยจากการซื้ออ่านจากร้านขายการ์ตูน ผมกลับเลือกที่จะอ่านการ์ตูนผ่านทางอินเตอร์เน็ตหรืออ่านการ์ตูนออนไลน์นั่นเอง โดยผมเลือกที่จะอ่านเป็นภาษาอังกฤษเพราะมีให้เลือกหลายเรื่อง และมีการอัพเดทที่ไวมากๆ ตอนนี้ผมได้หยุดซื้อการ์ตูนไปนานมากแล้ว เพราะนอกจากจะต้องใช้เงินซื้อ ยังต้องไปเดินหา ซึ่งก็เสียทั้งค่าเดินทาง เสียเวลา และเสียอารมณ์ที่ต้องเจอกับเจ้าของร้านที่ไม่สนใจใยดีผม บางทีถามเรื่องไหนก็ม่ายมี ต้องไปทำตัวลีบเดินหาไปทั่วร้าน หาเล่มที่ต้องการก็ดันมาขาดพอดีซะอีก เมื่อเทียบกับการอ่านออนไลน์แล้..

            เนื่องจากในปัจจุบันนี้มีผู้คนมากมายต้องการจะทำธุรกิจส่วนตัวเยอะมากๆ ผมก็เลยลองคิดที่จะเขียนเกี่ยวกับเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งหัวข้อนี้เกี่ยวกับการทำธุรกิจ แต่ไม่ใช่ทำธุรกิจทั่วไปครับ เป็นการทำธุรกิจด้วยเงินทุนเริ่มต้นที่น้อยมากๆ และบอกไว้ก่อนเลยไม่เกี่ยวกับการขายตรงใดๆทั้งสิ้นครับ ไม่ว่าจะธุรกิจไหนรับรองว่าใช้เทคนิคนี้ได้ทั้งสิ้นครับ ข้อมูลส่วนนึงที่ผมนำมาเขียนนี้มาจากประสบการณ์การทำธุรกิจและการลงทุนของตัวเอง และส่วนนึงก็มาจากการอ่านหนังสือกับการหาข้อมูลเกี่ยวกับการเริ่มต้นธุรกิจในอินเตอร์เน็ตครับ ลองอ่านดูนะครับเผื่อจะเป็นไอเดียในการประหยัดเงินทุนในการเริ่มต้นธุรกิจได้ครับ             อันดับแรกเลยเรามาเรียนรู้ถึงการทำกำไรของธุรกิจครับ ไม่รู้จะมีอะไรง่ายไปกว่านี้อีกมั๊ยเนี่ย มันคือ รายได้ - ค่าใช้จ่าย = กำไรครับ ส่วนที่ผมจะพูดถึงนี้เป็นการเริ่มต้นธุรกิจ ซึ่งการเริ่มต้นนั..

            เนื่องจากว่าผมนั้นเป็นคนที่อ่านหนังสือเยอะมากคนหนึ่ง แต่หนังสือนั้นก็มีให้ผมเลือกอ่านเยอะเช่นกัน เพียงแค่หนังสือที่เป็นภาษาไทยก็ไม่มีทางอ่านได้หมดอย่างแน่นอน และหนังสือภาษาอังกฤษนั้นยิ่งเยอะกว่า ทำให้ผมต้องเลือกอ่านสิ่งที่เป็นประโยชน์กับผมมากที่สุด เพราะเวลานั้นเป็นเงินเป็นทองอย่างมาก ในช่วงแรกของชีวิตการอ่านของผม ผมอ่านแต่หนังสือภาษาไทยเท่านั้นซึ่งก็ถือว่าได้ความรู้ดีในระดับหนึ่ง แต่เมื่อผมได้รู้ถึงแหล่งที่จะได้มาซึ่งหนังสือภาษาอังกฤษและได้เริ่มซื้อมาอ่านบ้าง ทำให้ผมได้เรียนรู้ว่าจริงๆแล้วความรู้ที่ได้จากหนังสือภาษาอังกฤษนั้นมีมากกว่าค่อนข้างเยอะ และยังเป็นเรื่องที่ก้าวข้ามไปสู่ระดับโลกแทบทั้งสิ้น เมื่อเทียบกันแล้วผมคิดว่าผู้เขียนชาวต่างชาตินั้นมีความรู้และประสบการณ์ที่จะสามารถนำมาเขียนเป็นหนังสือได้ดีกว่า อย่างน้อยก็ในหมวดหนังสือที่ผมอ่านอยู่เป็นประจำคือหมวด หุ้น การลงทุน และธุรกิจ           &..

            ตอนนี้นักอ่านในอเมริกาจำนวนมากมีพฤติกรรมที่ไม่ค่อยเข้าร้านหนังสือ และส่วนใหญ่เลือกอ่านหนังสือในรูปแบบของ ebook (น่าจะเกือบครึ่งและกำลังเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ) แต่คนไทยกลับยังอ่านหนังสือในรูปแบบเล่ม กันน่าจะเกิน 90% และยอดขาย ebook ในประเทศไทยยังน้อยมากๆ น้อยจนขนาดร้านหนังสือขนาดใหญ่อย่างซีเอ็ดต้องกล่าวออกมากับนักลงทุนว่า ยอดขาย ebook ยังน้อยมากๆๆๆๆๆ ส่วน start up อย่าง ookbee ก็ดูเหมือนกับว่าจะเน้นไปทางการอ่านนิตยสารเสียมากกว่า และดูท่าว่าจะไม่สามารถกินแชร์ของหนังสือประเภทพ็อคเก็ตบุ๊คได้มากนัก ถามว่าทำไมถึงเป็นอย่างที่เห็นกันล่ะ ในความคิดผมคิดว่าอันดับหนึ่งเลยเป็นเพราะยังไม่มีธุรกิจขนาดใหญ่อย่าง amazon เข้ามาทำตลาดอย่างจริงๆ จังๆ ในบ้านเรากันมากนัก โดยการเข้ามาของผู้เล่นรายใหญ่ที่จริงจังน่าจะเป็นตัวกระตุ้นตลาดที่ยอดเยี่ยมที่สุดแล้ว ส่วนเหตุผลอื่นๆอีกมากมายก็ได้แก่ ยังไม่มีเครื่องอ่าน ebook ที่ดีพอสำหรับภาษาไทยโดยเฉพาะ (ตัวอย่าง kindle) ซึ่งหลายคนอาจจะ..

            มาต่อจากคราวที่แล้วหลังจากที่ผมได้ติดใจการสั่งซื้อหนังสือจาก amazon เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมก็จะมาบอกเล่าถึงพฤติกรรมการสั่งต่อไปครับ โดยผมจะค่อยๆเลือกหนังสือที่ผมจะซื้อแล้วใส่ในตะกร้าทีละเล่มสองเล่มครับ ถามว่าแล้วไปทราบชื่อหนังสือที่อยากจะซื้อได้จากที่ไหนน้า? คำตอบคือจากหลายที่ครับ เช่น การอ่านหนังสือภายในเล่มจะมี reference ไปหนังสือเล่มอื่นครับ เช่นอ่านหนังสือของวอเร็นบัฟเฟต์ภายในก็จะมีกล่าวถึงหนังสือของ เบน เกรแฮม เป็นต้นครับ นอกจากนี้ amazon ก็ยังมีระบบ recommendation (ที่น่าจะตรงมากๆ) อีกด้วยครับ เช่น ถ้าเราจะซื้อหนังสือเล่มหนึ่ง ระบบมันจะช่วยจับคู่กับหนังสืออีกเล่มที่มีเนื้อหาคล้ายๆกันครับ ทำให้เวลาผมจะซื้อหนังสือเล่มนึง อาจจะลองกดคลิกไปดูเนื้อหาของหนังสืออีกเล่มได้ไม่ยากครับ นอกจากนี้ยังมีแถบเลื่อนไว้ใช้ดูหนังสือที่เขาแนะนำว่าลูกค้าคนอื่นชอบซื้อ ไปพร้อมกับหนังสือที่ผมดูอยู่ครับ ตรงนี้ก็ทำให้ผมเห็นหนังสือที่คล้ายๆกับห..