Peter Pan (ปีเตอร์ แพน)

Peter Pan (ปีเตอร์ แพน)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: peter_pan
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 240.00 บาท

เนื้อหาบางส่วน

1

การปรากฏตัวของปีเตอร์แพน

เด็กทุกคนต้องมีการเติบโต ยกเว้นอยู่คนหนึ่ง พวกเขาเหล่านั้นจะรู้ตัวในไม่ช้าว่าจะต้องโตขึ้น และนั่นก็เป็นสิ่งที่เวนดี้ได้เรียนรู้ ในวันหนึ่งเมื่อเธออายุได้สองขวบ เธอกำลังเล่นอยู่ในสวน เธอเด็ดดอกไม้ขึ้นมาและวิ่งไปหาแม่ ฉันเดาว่าเธอจะต้องดูมีความสุขมากแน่ๆ

มิสซิสดาร์ลิ่งเอามือทาบอก และร้องออกมาว่า

“โอ้ ทำไมลูกถึงไม่ตัวเท่านี้ตลอดไปนะ”

และเรื่องนี้ก็ได้ผ่านไป แต่เวนดี้ได้เรียนรู้ว่าเธอจะต้องโตขึ้น พวกเด็กๆ เองก็จะรู้เรื่องนี้เสมอ หลังจากที่พวกเขาอายุได้สองขวบ เลขสองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของจุดจบนั่นเอง

พวกเขาอยู่บ้านเลขที่ 14 และเมื่อเวนดี้เกิดมา แม่ของเธอก็กลายเป็นแม่บ้านคนสำคัญ แม่ของเธอเป็นสุภาพสตรีที่น่ารัก โรแมนติก และพูดจาสุภาพอ่อนหวาน แม้แต่เวลาที่เธอพูดเสียดสีคนอื่นก็ตาม ความคิดที่โรแมนติกของเธอนั้นเหมือนกับกล่องใบเล็กๆ ที่ซ้อนกันอยู่ ซึ่งมาจากดินแดนปริศนาทางตะวันออก อย่างไรก็ตาม พวกเขาจะได้ค้นพบว่ามันจะมีอยู่อีกกล่องเสมอ และเธอก็ได้ใช้เรียวปากประทับจูบลงไปบนนั้น จูบแห่งความลับหรือก็คือความไร้เดียงสาที่ซ่อนไว้ของเธอ ซึ่งแม้แต่เวนดี้เองก็ไม่เคยได้รับ ถึงแม้ว่าจะเห็นได้ชัดอยู่ตรงมุมขวาของปากเธอก็ตาม

วิธีที่มิสเตอร์ดาร์ลิ่งเอาชนะใจมิสซิสดาร์ลิ่งได้นั้นเป็นดังนี้

สุภาพบุรุษหลายคนในตอนที่พวกเขายังเป็นเด็กชายและเธอก็เป็นเพียงเด็กสาวนั้นต่างรู้ตัวพร้อมๆ กันว่าพวกเขาหลงรักเธอ พวกเขาจึงวิ่งไปที่บ้านของเธอเพื่อสู่ขอ ยกเว้นมิสเตอร์ดาร์ลิ่งที่เรียกรถรับจ้างเพื่อรีบเข้าไปสู่ขอเธอเป็นคนแรก และเขาก็ได้เธอมาครอบครอง เขาได้ครอบครองเธอทุกอย่าง ยกเว้นกล่องที่อยู่ภายในสุด กับจูบที่เป็นความลับ เขาไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับกล่องนั่นเลย และเขาก็ยอมแพ้ที่จะพยายามได้จูบนั้นจากเธอ เวนดี้เองก็ได้แต่คิดว่าคงจะมีแต่นโปเลียนที่ได้รับมันไป แต่ฉันลองนึกภาพของเขาที่กำลังพยายามทำเช่นนั้น จากนั้นเขาก็ต้องหยุดความปรารถนา แล้วก็ปิดประตูเสียงดังออกไป

มิสเตอร์ดาร์ลิ่งเคยตัวที่จะคุยโวให้เวนดี้ฟังว่าแม่ของเธอนั้นไม่เพียงแต่รักเขาเท่านั้น แต่ยังเคารพเขาอีกด้วย เขาเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่รู้เรื่องเกี่ยวกับหุ้นและเงินปันผลอย่างลึกซึ้ง แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องที่คนอื่นไม่รู้จริงๆ แต่เขาดูเหมือนว่าจะรู้ และเขามักจะพูดบ่อยๆ เกี่ยวกับหุ้นที่ขึ้น เงินปันผลที่ลดลง ในทำนองที่ทำให้ผู้หญิงพากันเคารพเขา

มิสซิสดาร์ลิ่งนั้นเป็นเจ้าสาวในชุดสีขาวซึ่งแสดงให้เห็นว่าเธอยังคงบริสุทธิ์และมีชีวิตครอบครัวเป็นครั้งแรก ในช่วงแรกเธอทำบัญชีค่าใช้จ่ายและจดค่าใช้จ่ายทุกอย่างเป็นอย่างดี และทำมันอย่างเกือบจะมีความสุขเหมือนกับว่านี่คือเกมอย่างหนึ่ง ไม่มีแม้แต่กะหล่ำลูกเล็กๆ ที่จะพลาดไป แต่นานๆ ไปกะหล่ำปลีทั้งหัวก็ยังหายไป และแทนที่เธอจะคิดถึงเรื่องเหล่านั้น เธอกลับนึกถึงภาพของเด็กทารกขึ้นมาแทน เธอวาดรูปพวกเขาในตอนที่เธอควรจะคำนวณค่าใช้จ่าย พวกเขาคือการคาดคะเนของมิสซิสดาร์ลิ่ง

 

เวนดี้เกิดมาเป็นคนแรก จากนั้นก็จอห์น และตามมาด้วยไมเคิล

 

ในช่วงหนึ่งถึงสองสัปดาห์แรกหลังจากที่เวนดี้เกิด พวกเขาไม่แน่ใจนักว่าจะสามารถเลี้ยงดูเธอได้ เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้น มิสเตอร์-ดาร์ลิ่ง ภูมิใจในตัวเธอเป็นอย่างมาก แต่เขาก็มีศักดิ์ศรี เขานั่งลงที่ขอบเตียงของมิสซิสดาร์ลิ่งแล้วกุมมือเธอเอาไว้พร้อมกับคำนวณค่าใช้จ่าย ในขณะที่เธอมองเขาอย่างวิงวอน เธอต้องการจะเสี่ยงในสิ่งที่อาจจะตามมา แต่นี่ไม่ใช่วิถีของเขา วิถีของเขานั้นต้องมีกระดาษและดินสอ ถ้าเธอทำให้เขาสับสนโดยการให้คำแนะนำต่างๆ เขาจะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้นอีกครั้ง

“เอาล่ะ อย่าเพิ่งรบกวน” เขาขอร้องเธอ “ผมมีหนึ่งปอนด์สิบเจ็ดชิลลิ่งอยู่ที่นี่ และมีสองชิลลิ่งหกเพนนีอยู่ที่ทำงาน ผมสามารถตัดค่ากาแฟที่ทำงานออกได้ นั่นคือประมาณสิบชิลลิ่ง รวมแล้วจะได้สองปอนด์ เก้าชิลลิ่งกับอีกหกเพนนี รวมของคุณอีกสิบแปดชิลลิ่งสามเพนนี รวมเป็นสามปอนด์เก้าชิลลิ่งกับอีกเจ็ดเพนนี แล้วก็รวมอีกห้าปอนด์ในสมุดเช็คของผม เอ๊ะ
ใครกำลังขยับอยู่นั่น ทั้งหมดคือแปดปอนด์เก้าชิลลิ่งเจ็ดเพนนี แปดเก้าเจ็ด ทดเจ็ด อย่าเพิ่งพูด ขอผมคิดก่อน แล้วก็หนึ่งปอนด์ที่คุณให้กับชายคนที่มาหาที่หน้าประตู เงียบหน่อยลูก ทดไว้ ทดลูก โธ่นั่นไง เพราะลูกแท้ๆ เลย นี่ผมพูดว่า เก้าเก้าเจ็ดใช่ไหม ใช่สิ ผมพูดว่าเก้าเก้าเจ็ด คำถามก็คือพวกเราจะสามารถลองสักปีด้วยเงินทั้งหมดเก้าปอนด์เก้าชิลลิ่งกับอีกเจ็ดเพนนีได้หรือไม่”

“แน่นอน เราสามารถทำได้จอร์จ” เธอร้องขึ้น แต่จริงๆ เธอลำเอียงเข้าข้างเวนดี้ และเขาน่ะก็มีลักษณะที่ต่างจากทั้งสองจริงๆ

“จำไว้นะ โรคคางทูม” เขาเตือนแกมขู่เธอ และอีกครั้งตอนที่เขาออกไป “คางทูมหนึ่งปอนด์นะ และนั่นก็เป็นสิ่งที่ผมจดเอาไว้ แต่ผมกล้าพูดเลยว่ามันจะมากกว่าสามสิบชิลลิ่ง อย่าเพิ่งพูด โรคหัดหนึ่งปอนด์ห้าชิลลิ่ง โรคหัดเยอรมันสิบชิลลิ่งหกเพนนี รวมเป็นสองปอนด์สิบห้าชิลลิ่งหกเพนนี คุณอย่าแกว่งนิ้วสิิ โรคไอกรนบอกได้เลยว่าสิบห้าชิลลิ่ง”

และอื่นๆ ที่ตามมาอีกมากมาย และมันก็มีการบวกเข้าไปในแต่ละช่วงเวลา แต่ในที่สุดเวนดี้ก็ผ่านมันไปได้ เมื่อโรคคางทูมมีราคาเพียงสิบสองชิลลิ่งหกเพนนี โรคหัดและหัดเยอรมันสามารถให้วัคซีนรวมได้ในครั้งเดียว

มันยังคงมีเรื่องที่น่าตื่นเต้นแบบเดียวกันนี้อีกกับจอห์นและไมเคิล ซึ่งเกือบจะทำไม่สำเร็จ แต่พวกเขาทั้งสองก็ยังได้รับการเลี้ยงดูต่อไป และในไม่ช้าพวกคุณก็จะเห็นพวกเขาทั้งสามคนพร้อมกับพี่เลี้ยงของพวกเขาไปโรงเรียนอนุบาลของมิสฟัลซัมตามลำดับ

มิสซิสดาร์ลิ่งชอบที่จะให้ทุกอย่างเป็นระเบียบ และมิสเตอร์ดาร์ลิ่งเองก็มีความปรารถนาที่จะเป็นเหมือนกับเพื่อนบ้านของเขาทุกประการ ดังนั้นมันแน่นอนว่าพวกเขาจึงมีพี่เลี้ยง และเพราะพวกเขาไม่มีเงินเนื่องจากค่านมของเด็กๆ พี่เลี้ยงของพวกเขาจึงเป็นสุนัขเพศเมียพันธุ์นิวฟาวแลนด์ที่มีชื่อว่านาน่า ซึ่งก่อนที่ครอบครัวดาร์ลิ่งจะรับเธอมา เธอไม่เคยมีเจ้าของ เธอคิดเสมอว่าเด็กๆ คือสิ่งสำคัญ และครอบครัวดาร์ลิ่งเริ่มคุ้นเคยกับเธอซึ่งอยู่ในสวนเคนซิงตัน เธอใช้เวลาส่วนใหญ่แอบมองรถเข็นเด็ก และมักจะโดนเกลียดชังอย่างมากจากพวกพี่เลี้ยงเด็กที่ไม่รอบคอบ ซึ่งเธอมักจะตามพวกเขาไปที่บ้านและบ่นกับนายหญิงของพวกเขา

เธอได้พิสูจน์ให้เห็นว่าเธอค่อนข้างจะมีคุณสมบัติของการเป็นพี่เลี้ยงเด็ก เธอทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยมในเวลาที่เด็กๆ จะต้องอาบน้ำ และในทุกช่วงค่ำคืนที่เด็กๆ ร้องไห้ออกมาแม้เพียงแค่นิดเดียว และแน่นอนว่าบ้านของเธอก็อยู่ในห้องนอนของเด็กๆ นั่นเอง เธอมีความสามารถยอดเยี่ยมที่รู้ว่าการไอนั้นเป็นสิ่งที่ไม่สามารถจะอดทนได้ และเมื่อไหร่ที่จำเป็นต้องพันถุงเท้าไว้รอบๆ คอ ซึ่งเป็นความเชื่อแบบเก่าว่าสามารถรักษาอาการเจ็บคอได้ เธอเชื่อเช่นนั้นจนวันสุดท้ายของชีวิต เช่นเดียวกับการใช้ใบของต้นรูบาร์บเพื่อรักษาโรค และเธอยังทำเสียงเหมือนกับดูถูกเมื่อพูดถึงสิ่งใหม่ๆ ที่ล้ำหน้าอย่างเช่นเรื่องเชื้อโรคและอื่นๆ

มันเป็นสิ่งที่ดูเหมาะเมื่อเห็นเธอไปโรงเรียนพร้อมกับเด็กๆ เธอเดินเคียงข้างพวกเขาช้าๆ เมื่อพวกเขาประพฤติตัวดี และคอยดึงกลับมาเดินในแถวเมื่อพวกเขาเถลไถล ในวันที่จอห์นต้องเล่นฟุตบอล เธอไม่เคยลืมเสื้อสเวตเตอร์ของเขาเลยสักครั้ง และเธอมักจะคาบร่มเอาไว้ที่ปากเสมอเผื่อเวลาที่ฝนตก

ที่โรงเรียนของมิสฟัลซัมนั้น มีห้องใต้ดินไว้สำหรับให้พี่เลี้ยงรอ พวกพี่เลี้ยงจะนั่งรออยู่บนม้านั่งยาว ในขณะที่นาน่าจะนอนอยู่ที่พื้น แต่นั่นเป็นเพียงความแตกต่างเพียงอย่างเดียวเท่านั้น พวกพี่เลี้ยงแสร้งทำเป็นไม่สนใจนาน่าเหมือนกับว่าเธออยู่ในสถานะที่ต่ำกว่า นาน่าเองก็เกลียดการคุยไร้สาระของพวกเธอ นาน่าไม่ชอบใจนักที่เพื่อนๆ ของมิสซิสดาร์ลิ่งแวะมาเยี่ยมที่ห้องของเด็กๆ แต่ถ้าพวกเขามาเธอจะรีบดึงเสื้อกันเปื้อนของไมเคิลออกมาทันที สวมให้กับเขาพร้อมกับผูกด้วยเชือกสีน้ำเงิน และจัดเสื้อผ้าของเวนดี้ให้เรียบ พร้อมกับหวีผมให้จอห์น

คงจะไม่มีสถานเลี้ยงเด็กที่ไหนจะจัดการได้อย่างถูกต้องเช่นนี้อีกแล้ว และมิสเตอร์ดาร์ลิ่งเองก็รู้ถึงสิ่งนี้ แต่บางครั้งเขาก็รู้สึกไม่สบายใจกับคำพูดของเพื่อนบ้าน เขายังต้องคำนึงถึงสถานภาพการทำงานของเขา นอกจากนี้นาน่ายังทำให้เขากังวลใจอีกเรื่องหนึ่ง เขารู้สึกว่าบางครั้งเธอไม่ได้ให้ความนับถือแก่เขา

“ฉันรู้ว่าเธอเคารพคุณมากค่ะจอร์จ”

มิสซิสดาร์ลิ่งให้ความมั่นใจแก่เขา และจากนั้นเธอก็ส่งสัญญาณกับลูกๆ ให้ทำดีกับพ่อของพวกเขาเป็นพิเศษ

การเต้นรำที่สนุกสนานเกิดขึ้น ซึ่งบางครั้งลิซ่าสาวใช้เพียงคนเดียวก็ได้รับการอนุญาตให้เข้าร่วมด้วย เธอดูเหมือนกับคนแคระในชุดกระโปรงยาวที่สวมหมวกของสาวใช้ ถึงแม้ว่าเธอจะสาบานในตอนที่เข้ามาทำงานใหม่ๆ ว่าจะไม่ทำตัวเป็นเด็กอายุสิบขวบอีกแล้วก็ตาม มันเป็นการเล่นที่สนุกสนานครื้นเครง และคนที่ดูเหมือนจะสนุกมากที่สุดก็คือมิสซิสดาร์ลิ่งซึ่งเต้นรำและหมุนตัวด้วยปลายเท้าอย่างว่องไว พวกเด็กๆ สามารถเห็นจูบที่ซ่อนไว้ของเธอ และถ้าหากโถมเข้าไปหาเธอ พวกเด็กๆ ก็อาจจะได้รับมันไป คงไม่มีครอบครัวไหนที่มีความสุขไปกว่านี้อีกแล้ว จนกระทั่งถึงวันที่ปีเตอร์แพนปรากฏตัว

มิสซิสดาร์ลิ่งได้ยินเรื่องของปีเตอร์ครั้งแรกเมื่อเธอจัดระเบียบความคิดของลูกๆ ซึ่งนี่เป็นกิจวัตรในทุกคืนที่แม่ที่ดีควรทำ เมื่อเด็กๆ เริ่มง่วงพอที่จะสามารถตรวจสอบความคิดของพวกเขาได้ เธอก็จะใส่สิ่งต่างๆ เพื่อไว้สำหรับเช้าวันใหม่ลงไป รวมถึงจัดหัวข้อเหล่านี้ซึ่งกระจัดกระจายในระหว่างวันให้อยู่ในที่ที่เหมาะสม ถ้าหากว่าพวกเด็กๆ ตื่นอยู่ (แต่แน่นอนว่าพวกเขาคงจะไม่สามารถ) พวกเด็ก ก็จะเห็นพวกแม่ๆ กำลังทำสิ่งเหล่านี้ และจะพบว่ามันเป็นเรื่องที่น่าสนใจที่จะได้เฝ้าดูพวกแม่ มันเป็นเหมือนกับการจัดเก็บลิ้นชักให้เรียบร้อย ฉันคาดว่าพวกเด็กๆ จะเห็นแม่นั่งคุกเข่า ใช้เวลาฟังบางเรื่องของพวกเขาๆ อย่างขำขัน และสงสัยว่าพวกเด็กๆ ไปเอาเรื่องเหล่านี้มาจากไหนกัน มันทำให้เกิดการค้นพบทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดี และพวกแม่ๆ ก็จะจัดการเก็บมันอย่างรวดเร็ว เมื่อพวกเด็กๆ ตื่นขึ้นมาในตอนเช้า ความดื้อดึงและความรู้สึกที่ไม่ดีในตอนที่พวกเด็กๆ เข้านอนก็จะถูกม้วนเก็บจนเล็กและอยู่ในส่วนที่ลึกของจิตใจ ส่วนที่อยู่ด้านบนนั้นก็จะถูกทำให้โล่ง ซึ่งทำให้ความคิดดีๆ แพร่เข้ามา และพร้อมที่จะให้พวกเธอได้ใส่มันเข้าไป

ฉันไม่รู้ว่าพวกเด็กๆ เคยเห็นแผนที่ของจิตใจหรือไม่ บางครั้งพวกหมอก็จะวาดแผนที่ส่วนอื่นๆ ของพวกเด็กๆ  และแผนที่นั้นก็จะกลายเป็นสิ่งที่น่าสนใจอย่างมาก แต่หากจับพวกเขามาพยายามวาดแผนที่จิตใจของเด็กๆ มันคงจะไม่เพียงแต่สับสนเท่านั้นแต่ยังวนไปวนมาตลอดเวลาอีกด้วย มันมีทั้งเส้นที่คดไปคดมา เหมือนกับกราฟอุณหภูมิที่ขึ้นๆ ลงๆ และบางทีเส้นเหล่านี้อาจจะเป็นถนนบนเกาะก็ได้ เพราะดินแดนเนเวอร์แลนด์ก็คือเกาะที่มีการแต้มสีสันที่ดูน่าประหลาดใจไปทั่ว มีแนวปะการังและเรือที่เพรียวลมในท้องทะเลซึ่งอยู่ไกลออกไป มีถ้ำสัตว์ที่เกิดตามธรรมชาติและอยู่อย่างโดดเดี่ยว มีพวกโนมหรือมนุษย์แคระซึ่งส่วนใหญ่เป็นช่างตัดเสื้อ
มีถ้ำที่มีแม่น้ำไหลผ่าน มีเจ้าชายที่มีพี่ชายอีกหกคน มีกระท่อมที่พังอย่างรวดเร็ว และมีหญิงชราตัวเล็กมากๆ ซึ่งมีจมูกที่งุ้มลง

มันอาจจะเป็นแผนที่ง่ายๆ ถ้านั่นคือทั้งหมดที่มี แต่บนแผนที่ยังมีเรื่องเกี่ยวกับวันแรกที่ไปโรงเรียน, ศาสนา, เหล่าคุณพ่อ, บ่อน้ำกลม, งานเย็บปักถักร้อย, ฆาตกรรม, การแขวนคอ, คำกริยาที่ต้องมีกรรมรอง, วันแห่งช็อกโกแลตพุดดิ้ง, การติดเหล็กดัดฟัน, การพูดว่าเก้าสิบเก้า, สามเพนนีสำหรับการถอนฟันด้วยตัวเอง และอื่นๆ อีกมากมาย นี่จะเป็นส่วนหนึ่งของเกาะ หรือมันอาจจะเป็นอีกแผนที่หนึ่งที่แสดงความคิด และทั้งหมดนี่ค่อนข้างจะสับสน โดยเฉพาะเมื่อไม่มีสิ่งใดหยุดนิ่ง

แน่นอนว่าเนเวอร์แลนด์ของแต่ละคนนั้นมีความแตกต่างกัน

ยกตัวอย่างเนเวอร์แลนด์ของจอห์นจะมีทะเลสาบที่นกฟลามิงโก้บินอยู่ด้านบน ซึ่งจอห์นกำลังยิงพวกมันอยู่ ในขณะที่เนเวอร์แลนด์ของไมเคิลซึ่งยังเป็นเด็กน้อยนั้นก็มีนกฟลามิงโก้เช่นกัน แต่กลับมีทะเลสาบบินอยู่เหนือนกพวกนั้น จอห์นอาศัยอยู่บนเรือซึ่งหงายท้องอยู่บนทราย ไมเคิลอยู่ในกระท่อมของอินเดียนแดง ส่วนเวนดี้อยู่ในบ้านที่ทำมาจากใบไม้ที่เย็บเข้าด้วยกันอย่างประณีต จอห์นอยู่เพียงลำพัง ไมเคิลมีเพื่อนอยู่ด้วยในตอนกลางคืน เวนดี้มีสัตว์เลี้ยงเป็นหมาป่าซึ่งถูกพ่อแม่ของมันทอดทิ้ง
แต่โดยภาพรวมแล้วเนเวอร์แลนด์นั้นมีความคล้ายคลึงกันในทางครอบครัว และถ้าหากนำพวกมันมาวางเรียงกัน พวกเราก็จะสามารถบอกได้เลยว่ามันมีส่วนที่เหมือนกัน และที่บนชายฝั่งเหล่านั้น พวกเด็กๆ ที่เล่นกันอยู่กำลังลากเรือลำเล็กๆ ของพวกเขาเข้าฝั่ง พวกเราก็อยู่ที่นั่นเช่นกัน และยังสามารถได้ยินเสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ถึงแม้ว่าพวกเราจะร่อนลงไปไม่ได้

 ในบรรดาเกาะทั้งหมดที่สามารถพบได้ เนเวอร์แลนด์นั้นมีขนาดเล็กและหนาแน่นที่สุด มันเชื่อมกันด้วยระยะทางที่น่าเบื่อระหว่างการผจญภัยหนึ่งกับสิ่งหนึ่ง แต่มันก็เบียดกันได้อย่างลงตัว ในช่วงกลางวันตอนที่พวกเขาเล่นกันอยู่นั้น มันอาจจะไม่ใช่สิ่งที่น่าหวาดกลัว แต่ในช่วงสองนาทีก่อนที่พวกเขาจะหลับ มันกลับกลายเป็นเรื่องที่เกือบจะสมจริง และนั่นจึงเป็นสาเหตุว่าทำไมจึงต้องมีแสงไฟในตอนกลางคืน

ในบางครั้งการเดินทางผ่านจิตใจของลูกๆ นั้น มิสซิสดาร์ลิ่งได้พบกับสิ่งที่เธอไม่สามารถเข้าใจได้ และในบรรดาสิ่งที่น่าฉงนมากที่สุดก็คือคำว่า ปีเตอร์ เธอไม่รู้จักปีเตอร์ และเขาก็อยู่ในใจของจอห์นและไมเคิล ในขณะที่จิตใจของเวนดี้นั้นเริ่มมีแต่เรื่องของเขาเต็มไปหมด ชื่อนี้มันชัดเจนกว่าคำอื่นๆ มาก และเมื่อมิสซิสดาร์ลิ่งมุ่งความสนใจไปที่ชื่อนั้น เธอก็รู้สึกว่ามันเป็นการปรากฏขึ้นที่อวดดีอย่างน่าประหลาด

“ใช่ เขาค่อนข้างจะอวดดี” เวนดี้ยอมรับด้วยความเสียใจ

แม่ของเธอกำลังตั้งคำถามกับเธอ

“แต่เขาคือใครกัน ลูกรัก”

“เขาก็คือปีเตอร์แพน แม่ก็น่าจะรู้นี่”

ในตอนแรกมิสซิสดาร์ลิ่งยังไม่รู้ แต่หลังจากที่เธอคิดย้อนกลับไปในวัยเด็ก เธอเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าปีเตอร์แพนนั้นอาศัยอยู่กับเทพธิดา มันมีเรื่องเล่าแปลกๆ เกี่ยวกับตัวเขา เช่น เมื่อเด็กๆ ตายไปเขาก็จะเดินทางไปกับเด็กพวกนั้น เพื่อที่ว่าพวกเขาจะได้ไม่รู้สึกกลัว ในเวลานั้นเธอเชื่อเรื่องราวเกี่ยวกับเขา แต่ตอนนี้เธอแต่งงานแล้วและมีเหตุผลพอ เธอค่อนข้างสงสัยว่ามันมีคนเช่นนั้นจริงๆ หรือ

“นอกจากนี้” เธอพูดกับเวนดี้ “ตอนนี้เขาควรจะโตแล้ว”

“โอ้ ไม่ค่ะแม่ เขาไม่โตขึ้น” เวนดี้ยืนยันอย่างหนักแน่น

“และเขาก็พอๆ กับหนูค่ะ”

เธอหมายความว่าเขาพอๆ กับเธอทั้งในขนาดของร่างกายและจิตใจ เธอเองก็ไม่รู้ว่ารู้ได้อย่างไร แต่เธอก็รู้

มิสซิสดาร์ลิ่งไปปรึกษาเรื่องนี้กับมิสเตอร์ดาร์ลิ่ง แต่เขากลับยิ้มเยาะออกมา

“จดคำพูดผมไว้เลย” เขาพูด “มันเป็นเรื่องเหลวไหลที่นาน่าจับใส่หัวของพวกเขานั่นแหละ มันเป็นแค่ความคิดของหมา อย่าไปสนใจเลย เดี๋ยวก็ลืมกันไปเอง”

แต่มันกลับไม่หายไป และในไม่ช้าปัญหาที่เด็กผู้ชายทิ้งไว้ให้มิสซิสดาร์ลิ่งกลับกลายเป็นเรื่องที่ค่อนข้างน่าตกใจ เมื่อเด็กๆ ได้เจอกับการผจญภัยที่แปลกๆ พวกเขาก็จะนำมาเล่าให้ฟัง เช่น พวกเขาอาจจะจำได้หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์เกี่ยวกับเรื่องที่พวกเขาอยู่ในป่าและได้พบกับพ่อที่ตายแล้ว พร้อมกับเล่นเกมกันอยู่ มันดูจะเป็นวิธีที่ธรรมดาเช่นนี้เองที่พวกเขาเล่าให้ฟัง และเช้าวันหนึ่งเวนดี้ก็ได้เปิดเผยเรื่องประหลาดที่น่ากังวลขึ้น เมื่อมีใบไม้อยู่ภายในห้องนอนของเด็กๆ ซึ่งแน่นอนว่าใบไม้เหล่านั้นไม่ได้อยู่ที่นั่นในตอนที่เด็กๆ เข้านอน และมิสซิสดาร์ลิ่งเองก็รู้สึกแปลกใจเมื่อเวนดี้พูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ให้อภัย

“หนูเชื่อว่ามันคือปีเตอร์อีกแล้ว”

“ลูกหมายความว่าอย่างไรเวนดี้”

“เขาเป็นเด็กเกเรที่ไม่ยอมล้างเท้าค่ะ” เวนดี้พูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจ

เธอเป็นเด็กที่สะอาดจริงๆ

เธออธิบายเป็นงานเป็นการ เธอคิดว่าบางครั้งปีเตอร์เข้ามาในห้องนอนตอนกลางคืน และนั่งอยู่ที่ปลายเตียง พร้อมกับเป่าขลุ่ยให้เธอฟัง แต่โชคร้ายที่เธอไม่เคยตื่นขึ้นมาเลย ดังนั้นเธอจึงไม่รู้ว่ารู้ได้อย่างไร แต่เธอก็รู้

“ลูกพูดเรื่องไร้สาระอะไรกัน ไม่มีใครสามารถเข้ามาในบ้านได้โดยไม่เคาะประตูหรอก”

“หนูคิดว่าเขาเข้ามาทางหน้าต่างค่ะ” เธอบอก

“ที่รัก นี่มันชั้นสามนะจ๊ะ”

“ใบไม้ไม่ได้อยู่ที่ขอบหน้าต่างหรือคะแม่”

มันค่อนข้างจริงว่าใบไม้เหล่านั้นถูกพบอยู่ใกล้ๆ กับหน้าต่าง

มิสซิสดาร์ลิ่งไม่รู้จะพูดว่าอย่างไรดี ทั้งหมดนี่มันดูเป็นเรื่องปกติสำหรับเวนดี้ จนไม่สามารถจะแย้งกลับไปโดยการพูดว่าเธอกำลังฝันไป

“ลูกรัก” แม่ร้องออกมา “ทำไมลูกถึงไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง”

“หนูลืมค่ะ” เวนดี้ตอบอย่างไม่ใส่ใจ เธอกำลังรีบไปทานอาหารเช้า

โอ้ แน่นอนว่าเธอจะต้องฝันไป

แต่อีกมุมหนึ่ง มันมีใบไม้อยู่จริงๆ มิสซิสดาร์ลิ่งพยายามคิดอย่างรอบคอบ มันเป็นใบไม้ที่มีโครงเส้นของใบ แต่เธอแน่ใจว่านี่ไม่ใช่ใบไม้ที่อยู่ในประเทศอังกฤษ เธอคลานไปบนพื้น ใช้เทียนส่องเพื่อมองหารอยเท้าที่ไม่คุ้นเคย เธอทำเสียงเคาะรัวๆ โดยการแหย่แท่งเหล็กไปในปล่องไฟ และเคาะที่กำแพง เธอปล่อยสายวัดจากหน้าต่างลงไปบนถนน มันตกลงไปประมาณสามสิบฟุต และแทบจะไม่มีรางน้ำให้สามารถปีนขึ้นมาได้

แน่นอนว่าเวนดี้จะต้องฝันไป

แต่เวนดี้ก็ไม่ได้ฝันไปเอง ในคืนวันถัดมาเป็นคืนที่อาจจะพูดได้ว่าการผจญภัยที่แสนแปลกประหลาดของพวกเด็กๆ เริ่มต้นขึ้น ในคืนที่พวกเราพูดได้ว่าเด็กๆ ทุกคนเข้านอนไปแล้ว มันเกิดขึ้นในตอนเย็นวันที่นาน่าไม่อยู่ มิสซิสดาร์ลิ่งได้พาพวกเขาอาบน้ำและร้องเพลงกล่อมพวกเขาทีละคน จนพวกเขาได้เดินทางไปยังดินแดนนิทรา

ทุกสิ่งดูเหมือนจะปลอดภัยและอบอุ่นสบายดี จนเธอมีรอยยิ้มออกมาให้กับความกลัวในตอนนี้ และเธอก็นั่งลงอย่างเงียบๆ อยู่ที่ข้างเตาผิงเพื่อที่จะเย็บผ้า

มันเป็นสิ่งที่ทำขึ้นเพื่อไมเคิล ซึ่งในวันเกิดนี้เขาจะได้รับเสื้อเป็นของขวัญ เตาผิงในห้องให้ความอบอุ่นกำลังดี และในห้องนอนของเด็กๆ ก็มีแสงไฟสลัวจากแสงเทียนสามเล่ม ตอนนี้สิ่งที่มิสซิสดาร์ลิ่งได้เย็บอยู่ก็ถูกวางไว้บนตัก ศีรษะของเธอค่อยๆ เอนลงอย่างช้าๆ และเธอก็หลับไปในที่สุด เมื่อมองไปที่พวกเขาทั้งสี่คน เวนดี้และไมเคิลอยู่ที่ตรงโน้น จอห์นอยู่ตรงนี้ ส่วนมิสซิสดาร์ลิ่งก็อยู่ข้างๆ เตาผิง

ขณะที่หลับไป มิสซิสดาร์ลิ่งได้ฝันถึงเนเวอร์แลนด์ที่ผ่านเข้ามาใกล้ และเด็กผู้ชายที่ไม่คุ้นหน้าก็ปรากฏตัวขึ้นมาจากที่นั่น เขาไม่ได้ทำให้เธอตกใจ เพราะเธอคิดว่าเคยเห็นเขามาก่อนจากบนใบหน้าของผู้หญิงที่ไม่มีลูก บางทีเขาก็ยังอยู่บนใบหน้าของพวกแม่ๆ อีกด้วย แต่ในฝันของเธอ เขาฉีกแผ่นฟิล์มที่ปิดบังเนเวอร์แลนด์ นอกจากนี้เธอยังเห็นเวนดี้ จอห์น และไมเคิลแอบมองผ่านทางช่องเล็กๆ

ความฝันนั้นดูช่างไร้สาระ แต่ขณะที่เธอกำลังฝันอยู่นั้น หน้าต่างห้องนอนของเด็กๆ ก็เปิดขึ้น และเด็กผู้ชายก็ถลาลงมายืนอยู่บนพื้น เขามาพร้อมกับแสงประหลาดขนาดใหญ่ไม่เกินกำปั้น มันเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปรอบๆ ห้อง ราวกับว่ามันคือสิ่งมีชีวิต และฉันคิดว่าแสงนี่เองที่ปลุกมิสซิสดาร์ลิ่งให้ตื่นขึ้น

เธอลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับเสียงร้อง และก็เห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่ง ด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง เธอรู้ได้ทันทีว่าเขาคือปีเตอร์แพน ถ้าหากว่าพวกเรา หรือฉัน หรือแม้แต่เวนดี้อยู่ตรงนั้น ทุกคนอาจจะได้เห็นว่าเขาเหมือนกับจูบที่ซ่อนเอาไว้ของมิสซิสดาร์ลิ่ง เขาเป็นเด็กผู้ชายที่น่ารัก แต่งตัวในชุดที่ทำจากใบไม้และของเหลวที่ไหลออกจากต้นไม้ แต่สิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดคือเรื่องที่เขายังคงมีฟันน้ำนมอยู่ เขาถึงกับกัดฟันเมื่อเห็นเธอที่เป็นผู้ใหญ่

รายละเอียด

ในดินแดนมหัศจรรย์เนเวอร์แลนด์ ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ ของพวกเด็กๆ
ที่จะไม่มีวันเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ที่นั่นทำให้เวนดี้กับน้องๆ
ได้พบกับเพื่อนใหม่ทั้งเด็กหลง นางฟ้า นางเงือก และยังได้พบกับเจ้าโจรสลัดจอมวายร้าย
กัปตันฮุก ศัตรูคู่แค้นคนสำคัญที่คอยจะทำร้ายปีเตอร์แพนกับเหล่าเด็กๆ 
พวกเขาจึงต้องหาวิธีป้องกันและต่อสู้กับโจรสลัดเพื่อปกป้องดินแดนแห่งความฝันนี้ 
ทุกคนจะรอดพ้นจากการไล่ล่าของกัปตันฮุกได้หรือไม่
เรื่องราวจะน่าตื่นเต้นเพียงใด มาเอาใจช่วยพวกเขากัน

หนังสือ ปีเตอร์แพน สร้างสรรค์ผลงานโดย เจ.เอ็ม. แบร์รี่ 
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีทั่วโลก และได้สร้างความประทับใจมาแล้ว
ไม่แน่คุณอาจเป็นผู้โชคดีที่ปีเตอร์แพนจะบินมาหา
เตรียมเปิดหน้าต่างของคุณไว้
ปีเตอร์แพนพร้อมจะพาไปผจญภัยในดินแดนมหัศจรรย์แล้ว
 

 

“ปีเตอร์แพน” อีกหนึ่งตัวละครอมตะที่โลดแล่นอยู่ในโลกแห่งจินตนาการของเด็กๆ ทั่วโลกมาเป็นเวลานาน เด็กชายจากปลายปากกาของนักประพันธ์ชาวสก็อตนาม เจ. เอ็ม. แบร์รี่ (Sir James Matthew Barrie) ผู้นี้เป็นเด็กชายผู้มีมนต์วิเศษและปฏิเสธการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ เขาสนุกสนานกับการใช้ชีวิตวัยเด็กผจญภัยและเดินทางท่องเที่ยวไปตามสถานที่ต่างๆ ในดินแดนเนเวอร์แลนด์ ณ ที่นั้นเขาเป็นหัวหน้าบรรดาเด็กหลงซึ่งให้ความเคารพเชื่อฟังและเรียกเขาว่า พ่อ ปีเตอร์แพนจะออกมายังโลกภายนอกและพบปะกับเหล่าเด็กๆ เป็นครั้งคราว แล้วเขาก็ได้พบกับเวนดี้ เด็กหญิงน่ารักผู้มีจิตใจดี เขาสอนให้เธอรู้จักวิธีบิน ก่อนจะพาเธอบินกลับไปยังเนเวอร์แลนด์เพื่อร่วมผจญภัยไปกับเหล่าเด็กหลงทั้งหลาย

            วรรณกรรมเรื่อง ปีเตอร์แพน (Peter Pan) นี้เป็นหนังสือสำหรับเด็กที่เป็นที่รู้จักมานานหลายทศวรรษ ทั้งยังมีการดัดแปลงมาทำเป็นละครเวทีและภาพยนตร์การ์ตูนหลายครั้ง ซึ่งผลงานที่มีชื่อเสียงมากที่สุดคือการดัดแปลงเป็นภาพยนตร์การ์ตูนของวอลท์ ดิสนีย์ ซึ่งทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ทั่วโลกได้รู้จักกับเด็กชายปีเตอร์แพนและครอบครัวดาร์ลิ่ง การผจญภัยของปีเตอร์แพนนั้นทำให้เรารู้จักเรื่องราวความเป็นมาของประเทศอังกฤษในอดีตมากยิ่งขึ้น ผู้ประพันธ์ยังได้สอดแทรกเรื่องราวและวัฒนธรรมที่น่าสนใจของประเทศนี้ไว้หลายอย่าง นอกจากนี้ผู้ประพันธ์ยังได้แต่งวรรณกรรมอีกเรื่องคือเรื่อง “Peter Pan in Kensington Gardens” ซึ่งเป็นเรื่องราวต้นกำเนิดของปีเตอร์แพนเมื่อครั้งยังอยู่ในสวนสาธารณะกลางกรุงลอนดอน

            สำนักพิมพ์ แอร์โรว์ คลาสสิกบุ๊กส์ จึงหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านจะได้รับความสนุกสนานเพลิดเพลินจากวรรณกรรมคลาสสิกตลอดกาลเล่มนี้และขอเชิญร่วมผจญภัยไปกับปีเตอร์แพน เวนดี้ รวมตัวเหล่าเด็กหลงไปพร้อมๆ กันในหนังสือ “ปีเตอร์แพน” ณ บัดนี้


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (93 รายการ)

www.batorastore.com © 2024