รีวิวเกมส์: PS4 Until Dawn

 

เกมที่เดิมพันด้วยการตัดสินใจ ทุกความเป็นไปได้ขึ้นอยู่กับการเลือก

 

เกมสุดสยองขวัญ ที่เดิมพันด้วยการตัดสินใจของผู้เล่นมีผลแทบทุกอย่างในทุกๆ ทางเลือกของเนื้อเรื่องในเกม ในรูปแบบของกฎที่เรียกว่า “ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก” (The Butterfly Effect) เป็นการอธิบายลักษณะของความ ไร้รูปแบบ สับสน วุ่นวาย ไม่เป็นเส้นตรง มีการบิดงอ หรือ คดเคี้ยว การก้าวกระโดด การกระทำเพียงจุดเล็กๆ ก็อาจส่งผมไปถึงสิ่งที่ยิ่งใหญ่ในภายภาคหน้า เมื่อเลือกที่จะเดินทางไปตามเส้นทางนั้นแล้วเราไม่อาจจะกลับไปแก้หรือเปลี่ยนแปลงอะไรได้อีก เปรียบให้เห็นภาพง่ายๆ เหมือนเราเจอผู้หญิงสวยๆ ในขณะที่มีเราถือของล้นมือแล้วอยู่ดีดีของเราหล่น แล้วเราก้มเก็บ เราก็หมดโอกาส ที่จะได้ทำความรู้จักกับผู้หญิงคนนั้น และอาจจะไม่เจอกันอีกเลย ในทางกลับกันถ้าเราถือของดีดีแล้วไม่หล่น เรามีโอกาสที่จะได้ทักทายและพูดคุย เราอาจจะสานต่อความสัมพันธ์จนถึงขั้นใช้ชีวิตคู่กันก็อาจเป็นได้ นั้นเอง เหมือนกับที่เขาได้เปรียบลายบนปีกผีเสื้อที่ไม่เป็นเส้นตรง เมื่อลายบนปีกเดินทางไปในเส้นทางไหนก็จะไปตามทางนั้นอาจมีจุดตัดหรือจุดแยกเส้นลายปีกนั้นก็ต้องวิ่งเป็นทางต่อไป

 

“เรื่องราวของเราเป็นเพียงแค่เรื่องเดียวจากความเป็นไปได้ทั้งหมด ฉะนั้นจงเลือกอย่างระวัง”

 

 

ตัวเกมอธิบายเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่ขึ้นมาพักอาศัยบนหุบเขา blackwood Pines แน่นอนว่าต้องมีการแกล้งกันตามสูตรหนังสยองขวัญวัยรุ่น โดยกลุ่มเพื่อนวางแผนหลอก ให้ Hannah ไปเจอกับ mike ในห้องโดยคนที่เหลือแอบอยู่ตามมุมต่างๆของห้องโดยทำทีว่าอยู่กัน 2 คน หลังจากนั้นไม่นานทุกคนก็แสดงตัว และได้อัดคลิปเอาไว้ด้วย Hannah ที่เกือบจะทำเรื่องหน้าอายที่สุดในชีวิต ก็รับกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ เลยวิ่งหนีออกจากบ้านไป Beth น้องสาวฝาแฝด ได้สอบถามทุกคนว่าเกิดอะไรขึ้นและได้ต่อว่าทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมดและวิ่งออกไปตามหาพี่สาวตัวเอง แต่เรื่องราวยิ่งเลวร้ายไปกันใหญ่ เมื่อหลังจากที่ Beth ได้พบ Hannah แล้ว ก็เหมือนกับว่ามีตัวอะไรก็ไม่รู้ไล่ตามเธอทั้ง 2 จนวิ่งไปสุดปลายเขา แต่ท้ายสุดทั้ง 2 ก็พลัดตกจากเขาและเสียชีวิตลง

 

Hannah หญิงสาวที่ซวยเพราะโดนเพื่อนหลอกให้มาทำเรื่องหน้าอาย (แถมโดนอัดคลิปอีก)

 

Beth (ขวาสุด) ต่อว่าทุกคนที่ทำให้เกิดเรื่องและกำลังจะวิงไปตามพี่สาวที่เตลิดไปในป่า

 

หลังจากนั้น 1 ปีทุกคนกลับมาที่หุบเขา Blackwood Pines อีกครั้ง จากการเชื้อเชิญของ Josh เพื่อมารำลึกถึงการตายของ Hannah กับ Beth น้องสาวของตัวเองทั้ง 2 คน (แค่เชิญมาก็รู้ละว่าจะเกิดอะไร) โดยนัดกันว่าจะมาที่บ้านหลังเดิมอีกครั้ง โดยมี  Chris , Jessica , Matt ,Emily , Ashley , Sam , Mike ตามมาสมทบที่หลัง รวมทั้งหมดก็ 8 คนพอดี เรื่องราวในเกมจะเป็นอย่างไร จะเกิดอะไรขึ้นกับคนทั้ง 8 จะดำเนินเรื่องราวไปในทิศทางไหน คุณ! คือคนกำหนดเรื่องราวของมัน

 

Josh อัดคลิปตัวเองแล้วส่งไปเชิญเพื่อนๆให้กลับมาที่ BlackWood Pines อีกครั้ง

 

ด้วยระบบเกมที่พูดไปในตอนต้นว่าตัวเกมนั้นใช้เรื่องของ “ทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก” (The Butterfly Effect) เข้ามาเป็นตัวกำหนดรูปแบบเกม ลักษณะตัวเกมนั้นจะเป็นในรูปแบบของการเลือกหัวข้อว่าเราจะเลือกข้อไหนตอบโดยการตอบของเราก็จะมีผลในเรื่องของการเกลียดกันหรือชอบกันของตัวละครในเกมด้วย นั้นจึงทำให้ไม่สามารถจะย้อนกลับมาแก้จุดเดิมได้อีกครั้ง เลยจุดไหนหรือข้ามจุดไหนไปแล้วก็ไม่สามารถกลับมาได้อีก เลยมีผลทำให้จุดจบจะจบไม่เหมือนกันในการเล่นแต่ละครั้ง (หมายถึงว่าถ้าอยากเล่นซ้ำในรอบต่อไปนะครับ)

 

เลือกซักทาง เพราะทุกทางคือสิ่งที่คุณเลือก และจงยอมรับการตัดสินใจเหล่านั้นด้วย

 

ตัวเกมมีระบบของระบบความสัมพันธ์ของตัวละครในเกม (Relationship Status) โดยจะมี status บอก ไว้ด้วย

 

อีกส่วนหนึ่งที่เข้ามาช่วยให้ตัวเกมมีทิศทางและความน่าสนใจของเนื้อเรื่องก็คือ Item ที่ชื่อว่า  Totem จะเป็นเหมือนรูปแกะสลักทำจากไม้ มีหน้าที่เป็นเหมือนเป็นลางบอกเหตุและสิ่งที่เกิดใน อนาคตอันใกล้ ถ้ายังดำเนินเนื้อเรื่องไปในทิศทางนี้ต่อไป  โดยจะแบ่งออกเป็นสีต่างๆ มีทั้งดี และร้าย แล้วจะการแสดงถึง Totem ที่เราเก็บได้นั้นว่าเราเก็บสีไหนไปมากกว่ากัน จะแสดงเป็นลักษณะแผนผัง เพราะฉะนั้นก่อนจะเก็บคิดให้ดีก่อนนะจ้า

 

สีของ Totem แบ่งออกเป็น 5สี แต่ละสีก็มีความสำคัญแตกต่างกันตามภาพนะครับ

 

แผนผังของเสา Totem นี่ถ้าเก็บ death หมด ก็หมายความว่า (ไม่อยากจะคิดต่อ)

 

Totem อันนี้สีอะไรเอย โชคร้ายหรือโชคดีนะ

 

การบังคับควบคุมเกมนั้น มีความแตกต่างจากเกมทั่วไปในแนวเดียวกันอยู่ก็คือเรื่องของการใช้ Touchpad ในการออกคำสั่ง เช่นให้เปิดหน้าหนังสือ สไลด์หน้าจอโทรศัพท์ เป็นต้น

 

ส่วนของ Touchpad ของ PS4 เข้ามามีบทบาทในในการออกคำสั่งของเกมด้วย

 

อีกส่วนที่ตัวผมเองนั้นก็ยังไม่เคยเห็นเหมือนกันว่า ไอส่วนตรงนี้สามารถเอามาใช้ในการออกทำ   สั่งเกมได้ด้วยหรอ นั้นคือเซ็นเซอร์ที่เป็นที่เป็นแสงที่ฟ้าๆ บน Controller ของ PS4 ที่ไว้ใช้กับ  ระบบเชื่อมต่อไร้สายนั้นเอง โดยการทำงานของมันก็คือ เราต้องนิ่งเอาไว้ เลี้ยงไม่ให้แสงออก นอกกรอบที่กำหนดแต่ตัว  Controller นั้นจะสั่นเพื่อไม่ให้เราใช้งานได้ง่ายๆ

 

แสงสีฟ้าด้านล่างที่ สั่งให้เราอย่าขยับ นิ่งๆ ไว้นะ นิ่งๆไว้

 

ทางด้านภาพและความสวยงามในเกมนั้น ตัวเกมใช้ระบบมุมมองบุคคลที่ 3 ในการเล่าเรื่องราวทำให้มุมมองดูเหมือนว่ามีคนกำลังมองเราอยู่ เราไม่สามารถเปิดมุมมองได้มากนัก เป็นข้อจำกัดของเกม ที่ทำให้ดูแล้วน่ากลัวตามสไตล์เกมสยองขวัญแบบนี้ ด้านความสวยงามของภาพนั้น ก็ทำออกมาได้ดีภายใต้บรรยากาศหิมะปกคลุม แสงสลัวๆ ในช่วงกลางคืนก่อนถึงเช้าตามชื่อเกมนั้นแหละครับ

 

 

ภาพรวมของเกมดูแล้วน่าเล่นมากๆ สำหรับคอเกมแนวสยองขวัญและชอบติดตามเนื้อเรื่อง ในบรรยากาศที่แสงน้อยๆ ดูแล้วชวนขนลุก โดยที่ไม่รู้ว่าจะต้องเตรียมตกใจตอนไหน (แต่ขอบอกเลยว่าจุดที่ทำให้ตกใจเยอะมากเตรียมใจไว้หน่อยก็ดีนะ) ฉากน่ากลัวของเกมมีเลือด และฉากการฆาตกรรมแบบในหนังเรื่อง SAW  ที่เยอะอยู่ เพราะฉะนั้นเตรียมใจให้ดี

 

ความสนุก+ความระทึกของเกม 9/10

ฉากและความสวยงามในเกมค่อนข้างจะออกไปทางมืดๆ ชวนหลอน 7.5/10

ดนตรีประกอบระทึกใจแน่นอน Sound ประกอบเกมแบบนี้ต้องสำคัญ 9.5/10

สำหรับคอเกมแนวนี้คุ้มค่าแน่นอนแต่ถ้าคนไม่ชอบก็คงไม่อยากเล่น 8/10