L Club One... บ้านรักอันตราย (ปกใหม่)

L Club One... บ้านรักอันตราย (ปกใหม่)

3 รีวิว  3 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160605903
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 149.00 บาท 117.71 บาท
ประหยัด: 31.29 บาท ( 21.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บทที่ 1

 

แรกเริ่มเดิมที...มันใช้วิธีโทรมาที่บริษัทบ่อยๆ

พอรมณีปฏิเสธการรับสาย นานวันเข้า...มันก็มาป้วนเปี้ยนที่ที่ทำงาน

คอยดักเธออยู่แถวโถงรับแขกด้านล่างของบริษัทแล้วใช้วิธีสอบถามหาเธอจากเพื่อนๆ พอมีคนบอกว่ารู้จัก มันจะฝากข้อความที่ทำลายชื่อเสียงเธอป่นปี้

“ฝากบอกมันด้วยว่าอย่าหน้าด้านนัก เป็นหนี้น่ะหัดเอามาใช้คืนเสียบ้าง ไม่ใช่หดหัวหลบอยู่แต่ในกระดอง พ่อแม่ไม่สั่งไม่สอนหรือไงว่ายืมของคนอื่นไปแล้วต้องใช้คืน”

นั่นเป็นคำด่าชนิดที่เรียกว่า ‘แค่เบาะๆ’ เพราะเวลาที่พวกรับจ้างทวงหนี้พวกนี้สามารถติดต่อกับเธอได้โดยตรง เมื่อนั้นจะมีคำชนิดที่เรียกแบบภาษาชาวบ้านว่า ‘ขุดบรรพบุรุษขึ้นมาด่า’ สาดใส่เธอจนหน้าชา

เพื่อนร่วมงานหลายคนรู้ว่ารมณีเป็นหนี้เนื่องจากเธอเคยกู้ยืมเงินไปทั่ว ทั้งจากบริษัทที่จดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย ธนาคาร เงินสวัสดิการพนักงาน ไม่เว้นแม้แต่เจ้านายที่เป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งรายนี้ใจดีมีเมตตาให้เธอยืมเงินตั้งสองล้านกว่าบาทไปรักษาพ่อที่ป่วยเป็นโรคไต ซึ่งภายหลังมีโรคแทรกซ้อนตามมาอีกมากมาย แต่แล้ว...เงินก็ไม่อาจยื้อชีวิตของพ่อให้อยู่กับเธอ

พ่อของรมณีจากไปเมื่อครึ่งปีก่อน ยังความเศร้าโศกเสียใจมหาศาลแก่แม่ที่เป็นคู่ชีวิต รมณีจึงให้แม่ไปอยู่กับเพื่อนสนิทของแม่ที่ต่างจังหวัดตามความประสงค์ของท่าน เนื่องจากท่านไม่สามารถทนอยู่ในบ้านหลังน้อยกลางเมืองอันเป็นที่ซึ่งร่วมกันทำมาหากินกับสามี เก็บเล็กผสมน้อยจนซื้อมันมาได้อีก

รมณีขายมันไปแล้วล่ะ...ขายความทรงจำในช่วงหนุ่มสาวและช่วงที่เธอมีชีวิตอย่างอบอุ่นร่วมกับพ่อและแม่มาตลอดยี่สิบสี่ปี แล้วไปเช่าทาวน์เฮ้าส์ในหมู่บ้านชานเมืองอยู่กับน้องชายสองคนก่อนจะนำเงินไปใช้หนี้ โดยเฉพาะหนี้ของเจ้านายที่เธอแสนจะซาบซึ้งในน้ำใจ แม้จะไม่หมดแต่มันทำให้เธอทำงานต่อได้โดยไม่กระดาก

ในส่วนของหนี้อื่นนี่สิ รมณียอมรับว่าเงินเดือนสองหมื่นกว่าบาทของเธอไม่สามารถไล่จ่ายดอกเบี้ยที่บานเอา...บานเอา...ได้ทัน

ในที่สุดมันก็ตามราวีเธอถึงที่ทำงาน ส่งผู้ชายชุดดำมาป้วนเปี้ยน พยายามทำให้เธอเสียชื่อ แม้เจ้านายกับเพื่อนร่วมงานหลายคนจะช่วยทั้งคอยปฏิเสธสายเข้าจากเจ้าหนี้ ทั้งคอยบอกให้เธอเข้าออกที่ทำงานตอนไหน ประตูไหน ทว่า...ในหมู่คนดีย่อมมีคนที่ไม่เคยหวังดีกับผู้อื่นปะปนอยู่ด้วย นอกเหนือจากเจ้านายสูงสุดที่ประเสริฐแล้ว เธอยังมีนายเหนือหัวตัวเล็กๆ หลายคนที่พร้อมจะแยกเขี้ยวใส่ลูกน้อง

ไม่ทำหน้ายักษ์ต่อหน้า ‘นายฝรั่ง’ ก็ว่ากันตอนลับหลัง

หัวหน้าแผนก เลขาฯ ท่าน กระทั่งคนที่คิดว่าเธอ ‘บริหารเงินไม่เป็น’ เรียกไปถามว่าจะเอาอย่างไรกับคนแปลกหน้าที่โทรหาเธอเช้า กลางวัน เย็น แถมยังมาป้วนเปี้ยนให้พนักงานคนอื่นใจเสีย

รมณีเคยตั้งใจมั่นว่าจะเข้มแข็ง เพราะเธอต้องเป็นหลักให้ครอบครัวที่ยังเหลือน้องชายเรียนมหาวิทยาลัยอีกคนหนึ่ง แต่หัวจิตหัวใจของคนแม้จะแกร่งแต่โดนน้ำร้อนๆ กร่อนทุกวัน ความเข้มแข็งของรมณีก็ร่ำๆ จะขาดลงทุกขณะ หากไม่ติดว่าต้องการทดแทนบุญคุณเจ้านายเธอคงจะ ‘เผ่น’ ไปแล้ว

 

“แล้วตอนที่ได้เงินจากนายฝรั่ง ทำไมแกไม่เอาไปใช้หนี้พวกเงินกู้นอกระบบหา ยัยนี”

นั่นเป็นคำถามที่เจอบ่อยที่สุดจนรมณีนึกอยากเอาคำตอบติดไว้บนกระดานข่าวหน้าแผนกเสียเลยว่า ‘ตอนนั้นพ่อฉันต้องผ่าตัดหัวใจด่วน กลัวเงินไม่พอ!’ คนที่ถามจะได้ไม่เซ้าซี้ถามซ้ำถามซาก แต่ก็นั่นล่ะ...ได้แต่คิด เพราะคนที่กล้าถามแบบนี้กับเธอย่อมต้องเป็นเพื่อนร่วมงานที่สนิทกันพอสมควร และพวกที่พูดจาไม่ค่อยเกรงใจชาวบ้านเหล่านี้คือคนที่ให้ความช่วยเหลือมากที่สุด

รมณีจึงต้องเก็บอารมณ์แล้วตอบเพื่อนด้วยน้ำเสียงที่บังคับให้ปกติทั้งที่ใจจริงอยากตะโกนใส่หน้าว่า ‘เลิกถามเสียที เบื่อ!’

“...พ่อต้องรักษาหลายอย่างน่ะน้ำแข็ง ฉันกลัวไม่พอ แล้วมันก็ไม่พอจริงๆ”

“เออๆ” คนพูดรับคำตามด้วยถอนใจเฮือก ก่อนจะชะโงกหน้าพ้นมุมตึกที่ยืนเบียดกันอยู่ออกไปดูต้นทาง

จากจุดที่รมณีกับเพื่อนยืนแอบ เมื่อมองข้ามทางเดินยาวแคบๆ ทอดผ่านหน้าลิฟต์สี่ตัวจะพบโถงหน้าของบริษัท มีเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ตั้งหันหลังให้เธอกับเพื่อน ถัดไปอีกทางขวามือจึงจะเป็นชุดรับแขกเล็กๆ ที่ซึ่งบัดนี้มีผู้แสดงเจตจำนงจะขอพบพนักงานบริษัทอย่างรมณีนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ถึงสามคน

สองคนเป็นชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่ หน้าดุ ซึ่งรมณีกับเพื่อนเดาว่าคงเป็นพวกเจ้าหนี้นอกระบบ ส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มรูปร่างสะโอดสะอง สูง ใส่สูทสีเทาเข้ม สวมแว่นเข้ากับบุคลิก ที่รมณีกับเพื่อนเดาว่าน่าจะเป็นเจ้าหนี้มาจากบริษัทบัตรเครดิตที่สามารถนำไปรูดเงินสดมาใช้ก่อนล่วงหน้า

“แล้วเย็นนี้จะได้กลับบ้านไหมเนี่ย ห้าโมงครึ่งเข้าไปแล้ว ให้ยามไปดูแถวบันไดหนีไฟเหมือนเดิมดีไหม ถ้าพวกนั้นไม่อยู่ฉันจะไปวนรถมารับแกหลังบริษัท”

ถึงจะพูดมากไม่รักษาน้ำใจ หากคนที่ยอมลงมาชะเง้อหน้าแล้วเสนอทางหนีให้ยังนับเป็นคนที่ใช้ได้มากกว่า

“ขอบใจมากนะ”

“เออ แค่ให้อาศัยรถออกจากบริษัทจะอะไรนักหนา รออยู่นี่นะ ฉันจะไปขอให้ยามไปดูตรงบันไดหนีไฟให้ว่าปลอดภัยหรือเปล่า”

เพื่อนของรมณีออกจากที่ซ่อนตัว เดินผ่านทางเดินหน้าลิฟต์สี่ตัวไปยังห้องโถงแล้วตรงเข้าไปกระซิบบางอย่างกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหนึ่งในสองคนหน้าประตูกระจก ก่อนจะเดินออกจากบริษัทเลยโดยมีสายตาของชายทั้งสามคนบนชุดโซฟาเล็กหรูมองตามอย่างสนใจใคร่รู้ ครั้นเห็นว่าไม่เกี่ยวกับเขาหรือลูกหนี้อย่างเธอ พวกเขาค่อยก้มลงอ่านหนังสือพิมพ์ต่อ

ครู่เดียว...พนักงานรักษาความปลอดภัยประจำบริษัทอีกคนหนึ่งลงมาจากลิฟต์แล้วเดินมายังจุดที่รมณีซ่อนตัวอยู่เพื่อบอกว่า

“คุณนีหรือเปล่าครับ ผมได้รับวิทยุจากเพื่อนบอกให้ดูตรงบันไดหนีไฟหลังบริษัท ผมดูให้แล้วนะครับ ทางสะดวก”

รมณีเป่าปากโล่งอก...เพราะนึกว่าคืนนี้ต้องค้างที่บริษัทเสียแล้ว

“ขอบคุณมากนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ ช่วยๆ กัน”

พนักงานรักษาความปลอดภัยวัยกลางคนยิ้มแล้วหันไปกดรีโมตเปิดประตูบันไดหนีไฟใกล้มุมตึก เขาพาเธอผ่านประตูแล้วอธิบายเรื่องบันไดหนีไฟฆ่าเวลาขณะพาเดินอยู่บนทางเดินทึบ กว้าง มีไฟสว่าง

“ปกติเขาจะล็อกประตูไว้น่ะครับ จะได้ไม่มีใครแปลกปลอมย่องเข้ามาใช้เป็นทางลับผ่านเข้ามาในบริษัท พอเกิดเรื่องอะไรขึ้นในตัวอาคารล็อกจะปลดอัตโนมัติก่อนไฟจะดับ แล้วก็...ถึงจะบอกว่าเปิดออกหลังบริษัทแต่จริงๆ แล้วออกด้านข้างมากกว่า ทางเดินนี่เดี๋ยวจะมีทางแยกสามารถออกได้ทั้งสองทาง ซ้ายกับขวา ส่วนหลังบริษัทจริงๆ มันเป็นประตูโล่งต่อกับลานจอดรถด้านหลัง ถ้ามีคนรอด้วยเราก็ออกหลังบริษัทไม่ได้ ออกตรงประตูหนีไฟนี่ล่ะปลอดภัยที่สุด”

“ค่ะ...” รมณีรับคำอย่างซาบซึ้ง นี่สินะความเอื้ออาทรของคนในระดับเดียวกัน

พอพ้นประตูหนีไฟออกมายังด้านข้างของบริษัท รมณีไหว้คุณยามที่อายุเกือบเท่าพ่อของเธอเมื่อครึ่งปีก่อนอย่างจริงใจ “ขอบคุณคุณลุงมากนะคะ”

“เรื่องเล็กครับ ลำบากเพราะพ่อแม่ ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟไม่ไหม้หรอกครับ เชื่อลุงเถอะ อ้าว นั่นไง เพื่อนคุณมาแล้ว”

รถยนต์สีขาวติดสติ๊กเกอร์คิดตตี้สีชมพูสดตรงกระจกมองข้างทั้งสองด้านและคาดแถบดอกไม้สีชมพูตรงส่วนล่างของประตู เลี้ยวออกมาจากลานจอดด้านหลังแล้วตรงเข้ามาเทียบทางปูนลาดลงถนนหน้าประตูหนีไฟ

รมณีรีบกระโดดขึ้นรถเพื่อน...รู้สึกโล่งเหมือนสลัดก้อนหินหนักสามสิบกิโลที่แบกอยู่บนหลังได้เสียที ทว่า...ขณะที่เพื่อนขับรถพาเธอมาจนใกล้จะถึงทางเลี้ยวออกจากด้านข้างอาคารบริษัทสูงสิบชั้น รถยนต์แบบออฟโรดสีดำล้อสูงคันหนึ่งซึ่งจอดนิ่งอยู่ในที่จอดริมกำแพงรั้วก็ถอยพรืดออกมาดักหน้ารถของเพื่อนเธอ เจ้าของรถสะดุ้งเฮือก กระทืบห้ามล้อเบรกจนตัวโก่ง ล้อรถใหม่เอี่ยมเกาะผิวถนนจนเกิดเสียงแหลมเอี๊ยด หน้ารถสีขาวลายคิตตี้หยุดห่างรถยนต์สีดำไปเพียงนิ้วเดียว!

เพื่อนของรมณีสะบัดเสียงอย่างหัวเสีย พรวดพราดเปิดประตูรถลงไปดูในขณะที่รถคู่กรณียังจอดขวางทางนิ่งไม่ขยับเขยื้อน

“นี่คู้ณ! ขับรถอะไรอย่างนี้เนี่ย!”

พอเจ้าของรถสีขาวลายคิตตี้ตะโกน คนในรถสีดำก็เปิดประตูลงมาสามคน...แต่ท่าทางไม่ได้ตั้งใจจะคุยหรือขอโทษ

พวกเขาเป็นชายฉกรรจ์สวมเสื้อยืดกางเกงยีนแต่ทับด้วยแจ็กเก็ตหนังสีดำสนิท หนึ่งในสามคือคนที่นั่งอยู่ในโถงรับแขกเมื่อครู่ ตอนนี้มาปรากฏตัวที่นี่และจ้องมาที่เธอซึ่งยังนั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในรถ ก่อนจะย่างสามขุมเข้ามาหาช้าๆ เพื่อเปิดประตูโดยไม่สนเจ้าของรถที่ยืนตกใจอยู่อีกฟากหนึ่ง

“เรามีเรื่องต้องคุยกันหน่อยนะคุณรมณี เรื่องเงินที่คุณกู้นายผมมา” พวกมันก้มลงมาถลึงตาพูดกับเธอ ก่อนที่หนึ่งในชายฉกรรจ์สามคนจะคว้าข้อมือเธอแล้วกระชากเข้าหาตัว ส่งผลให้รมณีซึ่งเป็นผู้หญิงตัวเล็กแบบบางสูงแค่หนึ่งร้อยหกสิบเซนติเมตรปลิวหวือติดมือหลุดออกนอกตัวถังรถ

เพื่อนของรมณีร้อง ‘ว้าย’ ออกมาคำหนึ่ง แต่ก็ทำได้แค่เพียงยกมือปิดปาก เบิกตาโต กลัวจนไม่กล้าขยับตัว ปล่อยให้พวกมันลากเธอไปที่รถยนต์คันใหญ่

รมณีดิ้นเท่าที่แรงน้อยของผู้หญิงจะทำได้ ซ้ำยังตะโกนให้คนช่วยเสียงหลง แต่หัวเลี้ยวนี่อยู่ห่างจากทั้งบันไดหนีไฟและประตูหน้าพอสมควร แถมเวลานี้ยังเกือบหกโมง คนกลับกันเกือบหมดบริษัทแล้วด้วย ต่อให้ยามที่ประจำอยู่ตามจุดต่างๆ ได้ยิน กว่าจะวิ่งมาถึงรถออฟโรดสีดำติดฟิล์มดำสนิทคันนี้คง ‘อุ้ม’ เธอไปถึงไหนๆ

“อย่านะ ปล่อยฉัน พวกคุณทำอย่างนี้ไม่ได้นะ!”

“แค่ไปคุยกัน ไม่ได้จะฆ่าหรอกน่ะ ขึ้นไป!”

“ม่าย!” รมณีทั้งดินทั้งเอาเท้ายันกรอบประตูรถคันโตไว้ แต่มีหรือที่เธอจะสู้แรงผู้ชายสามคนได้ พริบตาเดียวร่างเล็กๆ ของเธอก็ปลิวหวือขึ้นไปกองอยู่บนเบาะรถในลักษณะศีรษะพุ่งชนตัวถังรถอีกฝั่งหนึ่ง...แรงพอสมควร และแค่เธอพลิกตัวจะลุกขึ้น พวกนั้นก็กระโดดขึ้นรถ ปิดประตูแล้วเลี้ยวออกจากจุดที่จอดอยู่

รวดเร็วจนเรียกว่าอึดใจเดียวยังช้าไป!
“ไม่นะ พวกคุณจะทำอย่างนี้กับฉันไม่ได้!” รมณีโวยวาย แต่โดนหนึ่งในชายฉกรรจ์ตวาดให้หุบปาก

“เงียบ! บอกแล้วไงว่านายผมมีเรื่องจะคุยด้วย ไม่ได้จะทำอะไรอย่างที่คุณคิดหรอก!”

“ฉันไม่เชื่อหรอก ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยด้วย!”

“แหกปากเหรอ บอกให้คุยไม่คุยทำเป็นหลบเงียบ ทีอย่างนี้แหกปาก มานี่!”

ผมยาวประบ่าของรมณีโดนกระชากอย่างแรงจนคอเธอเหมือนจะหลุด และก่อนที่เธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แก้มขาวๆ ที่หมู่นี้ซีดลงก็โดนบางอย่างพุ่งเข้ากระทบดังฉาด

รมณีเห็นดาววูบวาบ... ตอนแรกแก้มชา แต่ต่อมาเจ็บแปลบปลาบ

พวกมัน..พวกมันตบเธอ!

“โอ๊ย...” หญิงสาวทำได้เพียงแค่ครางแล้วยกมือกุมแก้ม มองอะไรไม่ค่อยเห็นเพราะมีแต่แสงแวบวาบเหมือนแสงแฟลชยิงถี่ๆ ใส่ดวงตาโดยตรง ฤทธิ์ของพวกมันทำเอาเธอมึนไปหมด ครั้นแต่จะทรงตัวยังแทบจะทำไม่ได้

“ต้องให้ออกแรงถึงจะเงียบ...” คนลงมือบ่นเบาๆ อย่างหงุดหงิด แต่แล้วพอมันละสายตาจากร่างเล็กค่อนข้างผอมเพรียวหันกลับไปดูหน้ารถในจุดที่จะออกประตูใหญ่หน้าบริษัท มีรถยนต์...เก๋งสีบรอนซ์เงินคันใหญ่คันหนึ่งพุ่งเข้ามาขวางหน้า ทำให้ออฟโรดสีดำตกที่นั่งเดียวกันกับที่เพื่อนของรมณีประสบเมื่อครู่คือเหยียบเบรกจนตัวโก่ง แต่ที่ต่างกัน

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)


รีวิว (3)

เขียนรีวิว

วาชิ | 3 รีวิว
30/08/2014

นี่เป็นนิยายเล่มแรกของซีรี่ย์ L Club (Law Club) ของนักเขียนนามปากกา ‘ปราณธร’ ค่ะ น่าแปลกอยู่พอตัวเหมือนกันที่คนเขียนเขาเอาเรื่องราวของลูกชายคนเล็กแห่งบ้านนพเดชามาเปิดตัวก่อนพี่ๆ เนื้อหาในเรื่องจะเกี่ยวกับการแข่งขันแย่งชิงมรดกค่ะ โดยจะกล่าวถึงหญิงสาวคนหนึ่งที่ชื่อ ‘รมณี’ ไม่รู้เพราะเคราะห์ซ้ำกรรมซัดสวรรค์แกล้งหรืออย่างไร เธอถึงได้มีหนี้งอกงามทั้งในและนอกระบบ ต้องเจอตามหนี้ถึงบริษัท ชีวิตรันทดชนิดที่ไม่รู้ว่าชาตินี้จะหาเงินมาใช้หนี้ได้หมดหรือเปล่าเลย แต่แล้ววันหนึ่ง ทางสว่างเพียงหนึ่งเดียวก็มาเยือนเธอ เมื่อสิทธิ์การเข้าร่วมศึกแย่งชิงมรดกมันหล่นมาให้คว้าอยู่ตรงหน้า งานนี้คนที่มีหนี้ท่วมหัวอย่างรมณีเลยจำเป็นจะต้องคว้าโอกาสที่หาไม่ได้ง่ายๆ อย่างนี้มาไว้อยู่ในมือ แล้วกระโจนเข้าสู่การต่อสู้แย่งชิงมรดกกับญาติคนอื่นๆ อย่างช่วยไม่ได้ เนื้อหาที่เกริ่นไปข้างบนนั้นดูค่อนข้างเครียดใช่หรือเปล่าคะ แต่พอมาอ่านเข้าจริงๆ มันไม่ได้เครียดอย่างที่คิดเลยค่ะ แต่มันจะมีหักเหลี่ยมหักมุมอยู่บ้าง เพราะบรรดาญาติๆ (ที่รมณีไม่เคยรู้เลยว่าตัวเองมีกับเขาด้วย) แทบจะใช้ทุกกลวิธีที่คิดออกมากำจัดผู้มีสิทธิ์คนอื่นให้ตกรอบตามๆ กันไป งานนี้ใครดีใครได้ค่ะ เพราะของรางวัลนั้นมันมีค่าพอให้แย่งชิง งานนี้ ‘จิรพนธ์’ หรือ ‘จีน’ ที่เป็นนักสืบฝีมือจัดจ้าน จึงจำต้องแฝงตัวเข้าไปอยู่ในบ้านของลูกความตามความต้องการของผู้จัดการเรื่องมรดก ที่นั่นเขาเลยได้พบกับรมณีที่มีศักดิ์เป็นญาติผู้พี่หลอกๆ จีนเป็นคนเดียวในที่นั้นที่ดีกับรมณี (เพราะยังไงเขาก็ไม่มีส่วนได้ส่วนเสียในเรื่องมรดกอยู่แล้ว) ด้วยบุคลิกที่ดูขี้เล่น กวนประสาทคนเก่ง แถมยังชอบเข้าไปเกี้ยวทำให้หัวใจผู้หญิงเขาหวั่นไหวอีก เป็นใครๆ จะอดใจไม่ให้ชอบไหวล่ะคะ ลูกเล่นแพรวพราวเสียขนาดนั้น ติดก็แต่คำว่าศีลธรรมมันค้ำคอนี่แหละค่ะ รมณีถึงต้องคอยหักห้ามใจเอาไว้ เพราะเชื่อสนิทใจว่านายจีนน่ะมีศักดิ์เป็นญาติของตัวเอง ส่วนนายตัวดีนี่น่ะเหรอ แทนที่จะเห็นใจหญิงสาวเขาหน่อย กลับเดินหน้าเต็มเครื่องสูบเสียอย่างนั้น ทำเป็นตีเนียนอยู่ใกล้ๆ คล้ายกับหมาหวงก้าง กันไว้ก่อนกลัวมีมือดีซิวกระดูกติดมันชิ้นงามไป 5555 น่ารักน่าหยิกมากเลยค่ะพ่อหนุ่มคนเนี้ย แนวเรื่องนี้ค่อนข้างเดาทางได้ลำบาก บางครั้งก็โดนหลอกให้เขวไปอีกตามจนอยากตบหัวตัวเองดังแป๊ะสักที ที่ชอบที่สุดก็เป็นตัวเอกของเรื่องนี่แหละค่ะ บุคลิกน้องจีนน่ารักน่าเอ็นดูนัก ทั้งเก่ง ฉลาด และขี้เล่น คุณสมบัติอย่างงี้เอาใจเจ๊ไปเลยเถอะจ๊ะ แต่บรรดาญาติๆ ของรมณีนี่น่าตบเรียงตัวจ้ะ แบบว่าหมั่นไส้อ่ะ 5555 ส่วนรมณีนี่เราก็เชียร์นางสุดใจนะ อยากให้นางได้เงินเอาไปใช้หนี้ให้หมดน่ะ ก็ต้องไปลุ้นกันในเรื่องต่อแหละค่ะว่าท้ายที่สุดแล้ว มรดกที่ทุกคนพยายามไขว่คว้ากันนั้น ใครจะเป็นคนที่ได้มันไป แล้วความรักแบบผิดศีลธรรม(ในตอนต้น) มันจะจบลงและลงเอยแบบไหน เอาใจช่วยน้องจีนด้วยนะคะ คนนี้เชียร์มาก 5555
phattaraporn | 3 รีวิว
13/08/2014

L Club One... บ้านรักอันตราย นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายของนักเขียนที่เราชื่ชอบอีกท่าค่ะนั่นคือคุณปราณธรเพราะเคยได้อ่านผลงานของนักเขียนท่านนี้มาหลายเรื่องเลยแหละเป็นแนวความรู้สึกดีที่เรียกว่ารักอีกเรื่องที่เรารู้สึกประทับใจที่ได้อ่านค่ะ อ่านพล็อตเรื่องนี้ครั้งแรกบอกเลยว่าเครียดอ่ะเราคิดว่าเนื้อเรื่องภายในเล่มมันต้องเป็นอะไรที่ดูเครียดอ่ะมีชิงมรดกอะไรกันด้วยก็เลยแบบว่าแบบเซ็งแต่พอมาได้อ่านจริงๆก็ต้องปรับมุมมองใหม่ทีเดียวคือเนื้อเรื่องมันไม่ได้เครียดอะไรขนาดนั้นเอาจริงพอมาได้อ่านเรื่องนี้แบบเข้าเนื้อเรื่องจริงๆเราก็ไม่ได้โฟกัสที่เรื่องชิงมรดกแล้วอ่ะค่ะแต่กลับมาโฟกัสที่ความรักของพระนางแทนว่าจะเป็นยังไงเพราะไอ้เรื่องชิงมรดกเหมือนเป้นตัวประกอบให้เรื่องมีสีสันขึ้นมาเลยอ่ะค่ะเนื้อเรื่องไอ้ตอนชิงมรดกมันก็เหมือนชีวิตจริงอ่ะที่ใครๆก็ต้องอยากได้ต่างหาวิธีมาแย่งชิงนางเอกก็อยากได้ด้วยเพราะเป็นหนี้อยู่ฮ่าๆๆๆแต่อ่านแล้วรู้สึกไม่ชอบพวกญาติๆแบบหมันไส้มันเหมือนชีวิตจริงมากเกินไปฮ่าๆๆๆนิยายบางเรื่องเนื้อหาบางตอนก็เหมือนเอามาจากชีวิตจริงเลยเชื่อเลยว่าชีวิตจริงมันก็ต้องมีบางรอบครัวที่เป็นแบบนี้มาอ่านเรื่องนี้แล้วเลยแบบว่าติดไปเลยค่ะชอบมากๆประทับใจเราชอบคาแร้กเตอร์ของพระเอกนะดูฉลาดแล้วก็ปริ้นปร้อนดีชอบตอนที่เข้ามาวอแวกับนางเอกบ่อยๆอ่ะอ่านแล้วขำดีต้องลองอ่านค่ะเนื้อเรื่องในเล่มนี้พลิกปมดีเราชอบมากๆบางส่วนในเล่มก็เป็นไปตามเนื้อเรื่องที่เราเดาไว้เหมือนกันนะว่าจเป้นยังไงตอนต่อๆไปแต่บางฉากก็พลิกปมแบบผิดคาดอ่ะค่ะโดยรวมแล้วชอบอ่ะอ่านแล้วรู้สึกว่าได้อ่านนิยายหลากหลายรสชาติหลากหลายอารมณ์ดีค่ะ ถ้าอ่านแบบสังเกตดีๆจะรู้ว่าเรื่องนี้ให้แง่คิดดีมากอ่ะค่ะสำหรับใครที่อยากลองอ่านเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่อยากนะนำค่ะว่าเนื้อเรื่องน่าประทับใจแล้วก็สนุกจริงใครที่ไม่เคยอ่านผลงานของคุณปราณธรอ่านเรื่องนี้แล้วอาจจะต้องไปหาเรื่องอื่นๆมาอ่านอกีเลยก็ว่าได้สำนวนดีด้วยค่ะสำหรับเรื่องนี้ใช้สำนวนในการบรรยายที่สละสลวยไพเราะแล้วก็ดูสมจริงอ่ะค่ะอ่านแล้วทำให้คนอ่านอินตามไปด้วยแถมยังลำดับเหตุการณ์เนื้อเรื่องดีด้วยตรงนี้ชอบมากเพราะอ่านแล้วไม่งงเลยกลับอินไปกับความรักแล้วก็กุ๊กกิ๊กของพระนางมากกว่าชอบพระนางเรื่องนี้มากอ่ะค่ะอ่านแล้วถูกใจเราว่าคุณปราณธรแต่งคาแร็กเตอร์พระเอกเริดมากอ่ะมาแบบเนียนๆเลยเป็นตัวละครที่เดายากด้วยชอบมากๆค่ะ
จตุพร | 3 รีวิว
14/07/2014

“L Club One... บ้านรักอันตราย” เป็นเรื่องราวของ “รมณี” หญิงสาวที่เป็นหนี้ก้อนใหญ่ ความรับผิดชอบหลายอย่างถูกผลักมาให้เธอ จนบ่าเล็กๆแทบทรุด ทั้งหนี้ในระบบและนอกระบบบานตะไท จนเธอโดนพวกทวงหนี้ ตามมาทวงเงินถึงบริษัท แต่เหมือนโชคช่วยเพราะอยู่ๆนางเอกของเราก็มีสิทธิ์เข้าร่วมแข่งขันชิงมรดกของคุณตา ซึ่งเธอเพิ่งรู้ว่าคุณตาของเธอจะมีมรดกกับเขาด้วย เมื่อคิดดูแล้วว่างานนี้ถ้าเธอชนะ รางวัลที่ได้จะสามารถปลดหนี้จนหมดและทำให้เธอใช้ชีวิตได้เหมือนคนทั่วไป ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ ความรู้สึกของดิฉันหลังจากจบ : ต้องบอกก่อนว่านิยายเล่มนี้เป็นผลงานเล่มแรกของคุณปราณธรที่ดิฉันได้อ่าน ดังนั้นเลยไมได้คาดหวังมากนักกับนักเขียนที่เพิ่งทำความรู้จักค่ะ แต่พออ่านจบปุ๊บ ต้องไปเสิร์ชหาผลงานเล่มอื่นๆต่อเลย สนุกจริงจัง ติดงอมแงม การเข้าแข่งขันชิงมรดกของนางเอกที่เหมือนจะง่ายกลับเป็นงานช้างทีเดียว เมื่อเธอต้องพบกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่นคือญาติที่เธอไม่เคยรู้ว่ามี เรียกได้ว่ายังไม่ได้ทำความรู้จักกันก็ต้องเขม่นกันเสียแล้ว เพราะทุกคนที่มาแข่งก็อยากชนะใช่ไหมคะ เลยสรรหาวิธีมาทำให้คู่แข่งตกรอบกันไปสารพัดรูปแบบ ยกเว้น “จิรพนธ์” ชายหนุ่มที่บอกว่าตัวเองอายุน้อยกว่าเธอ พ่อแม่ตายหมด เขาเลยมาลงแข่งแบบขำๆ เขาเป็นคนเดียวค่ะ ที่ดีกับนางเอก ซ้ำยังชอบมาทำท่าก่อร้อก่อติกให้เธอหวั่นไหวอยู่ร่ำไป อ่อ กวนประสาทเก่งอีกต้องหาก งานนี้นางเอกก็ต้องห้ามใจเพราะยังไง “จิรพนธ์”ก็ถือว่ามีศักดิ์เป็นน้องชายคนหนึ่งของเธอ หญิงสาวที่ประพฤติตัวอยู่ในกรอบศีลธรรมดีงามย่อมไม่ยอมทำผิดแน่ๆใช่ไหมคะ ส่วนการแข่งขันนั้น ผู้เข้าแข่งขันถูกตัดสิทธิ์ออกไปทีละคนสองคน เพราะทำผิดกติกา นางเอกเองก็กลุ้มใจไปเรื่อยๆ เมื่อรู้ว่าหัวใจเริ่มเอนเอียงไปให้ญาติหนุ่ม หุหุ ฝ่ายตัวต้นเหตุหรือคะ เขายังสบายใจเฉิบ เพราะเขาชอบนางเอกจริงๆ ยิ่งเมื่อศึกษานิสัยใจคอแล้วยิ่งพบว่าตัวเองยิ่งตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้ เดากันได้ไม่ยากเนอะว่าอีตานี่เนี่ยแหละเป็นพระเอก ดิฉันสปอยก็ได้ค่ะ ว่าความจริงแล้วตัวเขากับนางเอกไม่ได้มีอะไรเกี่ยวพันกันสักนิด เขาปลอมตัวเข้ามาด้วยเหตุผลบางอย่าง ซึ่งอันนี้ต้องไปตามอ่านเองในเรื่องนะคะ :D ดิฉันแอบหมั่นไส้พระเอกเล็กน้อย ที่ทำให้นางเอกเครียดแทบตายว่าหลงรักญาติตัวเอง เขาคิดจะบอกความจริงเมื่อหมดหน้าที่นะคะเพราะอยากให้นางเอกรู้ว่าเขาคิดยังไงกับเธอ แต่ก็เข้าใจเหตุผลค่ะว่าเขาเปิดเผยตัวตนไม่ได้ เลยต้องตีเนียนอยู่ใกล้ๆ เป็นการแอบจองเธอไว้ก่อนที่ผู้ชายคนอื่นจะมาซิวไป กว่านางเอกจะรู้ก็ปาไปจนจะจบเรื่อง ซึ่งถือว่าเรื่องนี้จบได้อย่างลงตัว มีบทสรุปของผู้ที่ได้มรดกและยังไม่ลืมประเด็นหนี้สินของนางเอก บางประโยคของเรื่องก็สอนใจได้ดีค่ะ ส่วนความรักระหว่างพระนางคงต้องไปลุ้นต่อกันเองนะคะว่าบทสรุปจะเป็นอย่างไร นางเอกจะยอมให้อภัยหรือเปล่าน๊า

สินค้าที่ใกล้เคียง (65 รายการ)

www.batorastore.com © 2024