It's You เจ้าของหัวใจยังไงต้องใช่เธอ

It's You เจ้าของหัวใจยังไงต้องใช่เธอ

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160604944
ผู้แต่ง: Mina
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 179.00 บาท 44.75 บาท
ประหยัด: 134.25 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

บางคนเชื่อว่า...โชคชะตาลิขิตให้ชีวิตเป็นไปในแบบที่มันจะเป็น

บางคนเชื่อว่า...โชคชะตาเป็นเรื่องบังเอิญ แล้วเอาไปทึกทักกันเอง

บางคนเชื่อว่า...โชคชะตากำหนดได้ เปลี่ยนแปลงได้

และบางคนเชื่อว่า...โชคชะตาไม่มีอยู่จริง

 

แล้วคุณล่ะ...สำหรับคุณ โชคชะตาเป็นแบบไหน

Do you believe in destiny?

 

Chapter 1

 

 

“เบเบ้”

“...”
“เบเบ้!”

“(_  _)Zzzz”

“ไอ้ขี้เกียจ! เมื่อไหร่จะตื่นหา!”

โครม!

O.O!

ฉันลืมตาตื่นในทันทีที่รู้สึกได้ว่าขา แขน และก้นของตัวเองสัมผัสกับพื้นอันเย็นเยียบ อะ...อะไรกัน ที่จริงตอนนี้ฉันต้องนอนกอดน้องโดราเอมอนอยู่บนที่นอนนุ่มๆ ไม่ใช่เหรอ งงค่ะ

“มัวแต่ทำตาปรืออยู่นั่นล่ะ! มันจะบ่ายอยู่แล้ว! นอนกินบ้านกินเมืองจริงๆ รีบๆ อาบน้ำแล้วลงไปกินข้าวซะ @$@&%!” เสียงบ่นค่อยๆ เบาลง เมื่อคนที่กำลังบ่นใส่ฉันเดินออกไปจากห้อง แต่ปากก็ยังไม่หยุดบ่น

ฉันขยี้ตาอันปรือแสนปรือ และเมื่อตื่นเต็มที่ก็พบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนพื้น โดยที่ขาข้างหนึ่งของฉันยังคงพาดอยู่บนเตียง

แม่...

ถีบฉันตกเตียงอีกแล้ว!

ฮือๆ ฉันล่ะเบื่อจริงๆ คนกำลังไม่สบาย ไม่เห็นใจกันบ้างเลย!

ฉันคลานกลับขึ้นมาบนเตียงแล้วบิดขี้เกียจอย่างสุดกำลัง เริ่มรู้สึกก้นระบมขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ เพราะแม่แท้ๆ เลย ถีบฉันอยู่ได้ทุกวี่ทุกวัน

อุ๊ย ฉันยังไม่ได้บอกสินะคะว่าฉันเป็นใคร...ฉันชื่อ ‘เบเบ้’ ค่ะ อายุสิบเจ็ดปี เป็นลูกสาวคนเดียวของที่บ้าน มีพ่อกับแม่ใจดีแต่ขี้บ่นขั้นเทพ โดยเฉพาะแม่ค่ะ บ่นได้เที่ยงวันยันเที่ยงคืนเชียว อ้อ ฉันโสดค่ะ...โสดมาตั้งแต่เกิด และคงจะยังโสดต่อไปเรื่อยๆ ไม่ใช่ว่าฉันหน้าตาไม่ดี อ้วน เตี้ย ขี้เหร่ หรือตัวดำหรอกนะคะ ฉันออกจะเป็นสาวน้อยที่หน้าตาน่ารักเสียด้วยซ้ำ! (ไม่ได้ยอตัวเอง แค่พูดตามความจริง) เพื่อนฉันก็พูดกันแบบนั้น แต่ที่ฉันยังหาแฟนไม่ได้เลยสักคน เหตุผลก็เพราะ...

ฉันเป็นโรคประหลาดค่ะ โรคที่ฉันเชื่อว่าคงไม่มีใครในโลกนี้เป็นแบบฉัน และหมอก็ไม่มีทางรักษาให้หายได้! ที่จริงตัวฉันเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองเป็นมันเป็นโรคประหลาด หรือแค่อาการประหลาดกันแน่...

เพราะฉันไม่สามารถเข้าใกล้ผู้ชายได้!

ไม่ใช่สิ เข้าใกล้น่ะพอไหว แต่ถ้าสัมผัสถูกตัวกันเมื่อไหร่ ผู้ชายคนนั้นจะนิ่งไปราวสามวินาที ก่อนจะสลบล้มพับไปต่อหน้าต่อตาเลย แปลกมั้ยคะ แปลกสุดๆ เลยใช่มั้ย! ฮือๆ

ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แม่กับพ่อเคยพาฉันไปหาหมอ แต่หมอก็ช่วยอะไรฉันไม่ได้เลยสักอย่างเดียว

ทุกคนอาจจะสงสัยอีกว่า...แล้วกับพ่อล่ะ? ฉันทำยังไง มันมีเรื่องแปลกอย่างหนึ่งของโรคประหลาดนี้ค่ะ คือฉันสามารถเข้าใกล้พ่อได้ ซึ่งฉันเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม รวมถึงญาติผู้ชายบางคนของฉันด้วย...แค่บางคนเท่านั้นนะ เพราะกับบางคน ฉันก็ยังเข้าใกล้ไม่ได้อยู่ดี! ไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าไอ้โรคบ้าๆ นี่มันเอาอะไรมาวัดกันว่าฉันจะเข้าใกล้ใครได้หรือไม่ได้

ฉันคงเป็นผู้หญิงที่ซวยที่สุดในโลกใบนี้ ทั้งๆ ที่ตอนอยู่อนุบาล ฉันยังนั่งเล่นกับเพื่อนผู้ชายได้อยู่เลย! พอมารู้ตัวอีกทีก็ตอนฉันขึ้น ป.1 ฉันออกไปวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่น หลังจากไม่ได้ไปมาเป็นปี (ช่วงก่อนหน้านั้นฉันป่วยบ่อย) แล้วก็ไปขอพวกผู้ชายเล่นตำรวจจับผู้ร้ายด้วย ปรากฏว่าเด็กผู้ชายพวกนั้นสลบกันไปหมดต่อหน้าต่อตาฉัน แน่นอนว่าพ่อแม่ของพวกเขาสั่งห้ามไม่ให้มาเล่นกับฉันอีกเลย

ฉันไม่เข้าใจเลยจริงๆ ค่ะ ว่าทำไม...และเพราะอะไร ฮือๆ นับจากวันนั้น ชีวิตฉันก็เลยขาดเพื่อนผู้ชายมาโดยตลอด อยู่โรงเรียนหญิงล้วนตั้งแต่เด็ก เพื่อนก็มีแต่ผู้หญิง ทำอะไรก็มีแต่ผู้หญิง ผู้หญิง และผู้หญิง ดูเหมือนชีวิตฉันจะมีผู้ชายใกล้ชิดแค่คนเดียวซึ่งก็คือพ่อ

ฉันแค่อยากมีแฟนกับเขาบ้างก็เท่านั้น ชีวิตเบเบ้คนนี้ช่างน่าเศร้า

 

“กินข้าวเสร็จก็อย่าลืมกินยาล่ะ เดี๋ยวไม่หายสักที” แม่โผล่หน้าออกมาจากห้องครัว เมื่อได้ยินเสียงฉันเลื่อนเก้าอี้ที่โต๊ะอาหาร

ฉันล่ะเบื่อ เบื๊อ เบื่อ ตัวเอง นอกจากไอ้โรคบ้าๆ ที่ฉันเป็นแล้วนั้น ยังมีอีกเรื่องที่ฉันเบื่อมาก! คือฉันเป็นคนป่วยง่าย ตากแดดนิดโดนฝนหน่อยก็พร้อมจะเป็นหวัดได้ตลอดเวลา นี่ฉันหยุดเรียนตั้งแต่เมื่อวานแล้ว ดีที่วันนี้อาการมันดีขึ้นเยอะ ดีจนแม่กล้าถีบฉันตกเตียงอีกครั้ง

“ทำอะไรเสร็จแล้วก็เตรียมตัวซะนะ เดี๋ยวแม่จะพาแกออกไปข้างนอก” ฉันหันไปมองแม่ที่เดินเข้ามาอย่างแปลกใจ นี่ฉันป่วยอยู่นะ จะพาออกไปไหนอีกเนี่ย

“ไปไหนแม่”

“ไปหาหมอ”

“หาอีกทำไมอ่ะ เพิ่งไปหาเมื่อวานเอง ยายังกินไม่หมดเลย”

แม่ถอนหายใจอย่างหงุดหงิด

“ฉันหมายถึงหมอดูต่างหาก!” ฮะ? ไปหาหมอดู?

สงสัยเมื่อเช้าแม่จะเล่นฮูล่าฮูปผิดท่าไปหน่อยแหงๆ ถึงจะพาฉันไปหาหมอดูเนี่ย

“แม่งมงาย”

“เอ๊ะ ไอ้ลูกคนนี้นี่!”

“โทร 1900 เอาไม่ได้เหรอ ขี้เกียจออกอ่ะ” แม่กลอกตาไปมาอย่างเอือมระอา ฉันพูดผิดตรงไหนล่ะ ไม่ต้องเปลืองค่าน้ำมันรถด้วย แถมมีให้เลือกตั้งหลายหมอ

“ไม่ได้!” แม่เลื่อนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับฉันก่อนจะนั่งลง “เมื่อเช้าแม่ออกไปซื้อดอกไม้แถวตลาด เจอป้าแก่ๆ คนนึง อยู่ดีๆ แกก็เดินเข้ามาทัก”

“เพื่อนแม่เหรอ เห็นป้าแก่ๆ เหมือนกันเลย”

“แกหยุดกระแหนะกระแหนแล้วฟังแม่ก่อนได้มั้ย” แกล้งเล่นหน่อยเดียวเอง อ่ะโธ่ “อยู่ดีๆ ป้าเขาก็ถามแม่ว่าแม่มีลูกสาวใช่มั้ย พูดชื่อแกถูกด้วยนะ! แถมยังบอกว่าแกเป็นโรคประหลาด ไม่ถูกกับผู้ชาย!”

“...” ใครว่าฉันไม่ถูกกับผู้ชาย...ฉันอยากจะถูกกับทุกคนเลยล่ะ แค่โดนตัวอีกฝ่ายไม่ได้เท่านั้นเอง

“แล้วป้าเขาก็บอกอีกว่าให้พาแกไปหาเขา เขาจะดูดวงให้ แกมันเป็นผู้หญิงดวงประหลาดมาก”

“...” ชีวิตฉันมันก็ประหลาดมาตั้งนานแล้วล่ะ

“รีบๆ กินข้าวซะ! ฉันจะพาแกไปดูดวง”

 

สุดท้ายฉันก็โดนแม่ลากตัวออกมาจนได้ เซ็งจัง คนอุตส่าห์จะไปนอนต่อ

“ที่นี่ล่ะ” ฉันเงยหน้ามองตึกเก่าตรงหน้า ตึกแบบนี้ยังมีคนอยู่อีกเหรอ

มันเป็นตึกแถวสองชั้นเก่าๆ อยู่ติดกันสามคูหา แต่พอฉันเหลือบไปมองสองคูหาที่อยู่ริมขวา ก็พบว่าประตูเหล็กถูกปิดไว้แน่นสนิท แถมสนิมยังเขรอะเกรอะกรังสุดๆ ดูไม่น่าจะมีใครอยู่ จะเหลือก็แต่คูหาริมซ้ายสุดที่อยู่ตรงหน้าฉัน ประตูเหล็กถูกเปิดแง้มไว้เพียงเล็กน้อย ดีนะ...ที่มันมีสนิมแค่นิดเดียว ไม่งั้นฉันคงต้องไปซื้อถุงมือมาใส่ก่อนเปิดแหงๆ

“จะเข้าไปยังไงล่ะแม่ มีคนอยู่เหรอ” แม่หันมามองหน้าฉันเพียงครู่เดียว ก่อนจะยื่นมือไปเขย่าประตูเหล็กอยู่สองสามที

“มีใครอยู่มั้ยคะ”

เงียบสนิท...

แม่ฉันเขย่าประตูเหล็กอีกหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครมาเปิด

“ไม่มีใครอยู่มั้งแม่ กลับเหอะ”

“เดี๋ยวสิแกนี่! ป้าเขาอาจจะไม่ได้ยินก็ได้”

ครืดดดดดดดด

ฉันสะดุ้งอย่างตกใจ เมื่ออยู่ดีๆ ประตูเหล็กก็เลื่อนเปิดเองอย่างรวดเร็ว! ผู้หญิงคนหนึ่งกำลังยืนอยู่ตรงหน้าฉันกับแม่...

เธอใส่ชุดเดรสยาวสีดำ ผมสีดำสนิทถูกรวบตึงไปข้างหลังจนหมด ดวงตาคมสงบนิ่งเยือกเย็นจนคนที่ได้มองถึงกับขนลุกอย่างไม่มีสาเหตุ ริมฝีปากถูทาทับไว้ด้วยลิปสติกสีแดงสด

แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วนั้น...

ดูยังไงแม่ก็ไม่น่าเรียกเธอว่าป้าได้เลย...ดูสาวกว่าแม่ตั้งเยอะ!

“ขอโทษที รอไม่นานใช่มั้ย” เธอยกยิ้มเย็นที่ริมฝีปากแล้วผายมือให้ฉันกับแม่เข้าไปข้างใน

ทำไมฉันรู้สึกขนลุกวาบไปหมดทั้งตัวแบบนี้นะ อาจจะเป็นเพราะอากาศภายในตึกที่เย็นกว่าข้างนอก บวกกับความมืดสลัวของมันด้วยล่ะมั้ง

ครืดดดด ฉันหันไปมองแม่หมอ (ขอเปลี่ยนชื่อเรียก ลุคป้าแกให้จริงๆ) ที่เลื่อนประตูเหล็กปิดสนิท จนภายในตึกมืดยิ่งกว่าเดิม แต่เพราะมีแสงไฟสลัวๆ สีส้มๆ จากหลอดไฟดวงเล็กๆ เปิดไว้อยู่ จึงทำให้พอจะมองเห็นอะไรอยู่บ้าง

“ตามมา” แม่หมอเดินนำฉันกับแม่ขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของตึก ก่อนจะพาฉันเข้าไปยังห้องเล็กๆ ห้องหนึ่ง ดีหน่อยที่ข้างบนเปิดไฟเยอะกว่าข้างล่าง แม้ว่ามันจะเป็นแค่แสงไฟสลัวๆ สีส้มๆ ดวงเล็กๆ ก็ตาม แม่หมอเดินไปจุดเทียนตรงแท่นอะไรบางอย่างก่อนจะนั่งลงบนโซฟาสีแดงสดขนาดพอดีสำหรับหนึ่งคน โอ๊ะ ไฮโซ

“นั่งสิ” แม่ดึงฉันให้นั่งลงบนเก้าอี้ที่อยู่ตรงข้ามกับแม่หมอ แม่หมอจ้องหน้าฉันอยู่พักใหญ่จนฉันรู้สึกอึดอัด ก่อนจะหยิบสำรับไพ่อะไรไม่รู้มาวางบนโต๊ะตรงหน้าฉัน “หยิบออกมาสามใบ”

“ไพ่ยิปซีเหรอคะ”

เพียะ! แม่ตีมือฉันจนฉันสะดุ้งอย่างตกใจ ถามไม่ได้เหรอ แค่อยากรู้เอง

“ขอโทษด้วยค่ะ” แม่บอกขอโทษแม่หมอแทนฉัน แม่หมอยิ้มบางๆ ให้ฉัน แต่รอยยิ้มนี่ล่ะ น่ากลัวได้อีก

“ไม่ใช่หรอก”

“...”

“ไพ่พิเศษ สำหรับเธอคนเดียวแม่หนู” วูบ สายลมเบาๆ พัดผ่านตัวฉันไปจนรู้สึกได้

“...” ในที่แคบๆ ไม่มีทิศทางให้ลมเข้าขนาดนี้...ลมมันพัดมาจากไหนกัน พัดลมก็ไม่ได้เปิดอยู่ซะหน่อย

“เลือกซะสิ” ฉันพยักหน้าลงแล้วหยิบไพ่ออกมาจากกองสามใบ ตอนนี้รู้สึกขำไม่ออก...เพราะเริ่มใจคอไม่ดีแบบแปลกๆ

แม่หมอนำไพ่ที่เหลือเก็บเข้าที่เดิม ก่อนจะเอาไพ่ที่ฉันเลือกไว้สามใบมาวางเรียงกัน แล้วสลับที่มันไปมาพร้อมกับท่องอะไรงึมๆ งำๆ อยู่หลายที จึงจะหงายไพ่ใบแรกขึ้น

“...” ทำไมเงียบล่ะ

“เป็นยังไงบ้างคะ” แม่ถามออกไป แม่หมอจ้องมองไพ่ใบนั้นอยู่นาน แล้วเหลือบสายตาขึ้นมามองฉัน แต่สุดท้ายก็เงียบไป ก่อนจะเปิดไพ่อีกสองใบขึ้นมาในทันที

“มีอะไรรึเปล่าคะ” ฉันถามออกไปด้วยความสงสัย เมื่อสายตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองมาที่ฉันนิ่ง...นิ่งมากจนทำให้ฉันขนลุก

“...แย่หน่อยนะ” แม่หมอกวาดไพ่สามใบที่ฉันเลือกมารวมกัน

“ดวงเธอ...”

“...”

“กำลังจะถึงฆาต”

 

“เฮ้ย จริงอ่ะ!”

“จริง” ฉันตอบเพื่อนทั้งสองที่ตะโกนถามด้วยความตกใจ หลังจากได้ฟังฉันเล่าเรื่องที่ไปดูดวงมาเมื่อวันศุกร์จบ

ช่างเป็นเช้าวันจันทร์ที่ฉันหดหู่สุดๆ ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้เชื่อที่แม่หมอพูดซะสนิทใจก็เหอะ แต่ก็นะ...อยู่ดีๆ มีคนมาบอกว่าอีกไม่นานฉันจะตาย ใครมันจะมานั่งเฮฮาชื่นชีวาได้กัน กรี๊ดดดด

หลังจากแม่หมอทำนายออกมาแบบนั้น แม่ถึงกับหน้ามืดจนฉันลากกลับบ้านแทบไม่ได้ อนาถจิตสุดๆ ไปเลย

“โอ๊ย ไอ้เบ๊เอ๊ย ทำไมชีวิตแกน่าสงสารแบบนี้นะ แฟนก็หาไม่ได้ สมองก็ทึบ ยังจะมาอายุสั้นอีกเพื่อนรัก” ดูปากมัน

ป้าบ!

“หยุดพูดไปเลยนังวี่เน่า!” ฉันตีหลังยัยกีวี่สุดแรงเกิด มันเป็นผู้หญิงที่กวนประสาทฉันได้ระดับสูงสุดจนถึงขั้นเกิน แถมยังมีหน้ามาเรียกฉันว่า ‘เบ๊’ แทนชื่อเบเบ้อันสุดแสนจะน่ารักของฉันอีก ชิชะ

“...”

“แกให้กำลังใจเพื่อนมากเลยนะ” ฉันว่าพลางชูนิ้วโป้งให้ยัยกีวี่ ก่อนจะหันไปหาเพื่อนอีกคน ยัยนี่ชื่อเอริ เป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น ความกวนประสาทของมันอยู่ระดับปานกลางแบบพอรับได้

แต่ก็นะ...ถึงพวกมันสองตัวจะกวนประสาทฉันอยู่บ่อยๆ แต่ก็ถือเป็นบุคคลที่ฉันสนิทด้วยที่สุดแล้ว เห็นกวนๆ แบบนี้ ถึงเวลามีปัญหา สองคนนี้พึ่งพาได้เลยล่ะ โดยเฉพาะเวลาที่ฉันไม่สบาย ก็ได้พวกมันนี่ล่ะที่คอยเก็บชีทเก็บงานไว้ให้ ทว่าอันที่จริงเราสามคนไม่น่ามารวมตัวกันได้เลยนะ ไม่น่าเชื่อ

กีวี่นิสัยจะออกห้าวๆ ไม่เข้ากับหน้าตามากๆ ยัยนี่หน้าหวานจะตาย

(ติดตามอ่านต่อได้ในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

"It's You เจ้าของหัวใจยังไงต้องใช่เธอ"

ใครจะไปคิดล่ะว่า 'สาวน้อยน่ารัก' อย่าง "เบเบ้" คนนี้..ต้องพบอุปสรรคกับการจะอินเลิฟด้วย เพื่อนผู้หญิงก็มีเยอะแล้วน้า เค้าอยากมีเพื่อนผู้ชายบ้าง อะไรบ้าง ก็ถ้าพวกผู้ชายโดนตัวฉันได้แล้วไม่สลบมันก็คงจะดีสินะ เฮ้อออ ป่านนี้ฉันอาจจะมีหนุ่มๆ ข้างกายที่เป็นมากกว่าเพื่อน แต่ไม่ใช่แฟนแล้วล่ะ !?

ขืนเป็นแบบนี้ต่อไป ฉันคงได้อยู่เป็นโสดไปจนวันตายแน่ๆ แต่แล้ววันหนึ่งที่ฉันได้ไปพบกับหมอดูนิสัยแปลกๆ แล้วโดนทักว่าดวงถึงฆาต -O- จึงทำให้รู้ว่าทางรอดก็คือฉันต้องหาเนื้อคู่ให้เจอภายในหนึ่งอาทิตย์ แง้ แล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะว่าใครคือคนที่ใช่ แต่เมื่อฉันได้มาพบกับผู้ชายสามคนที่หล่อคนละสไตล์ แถมยังสามารถโดนตัวฉันได้ ฉันก็มั่นใจไปล้านเปอร์เซ็นต์แล้วล่ะว่าหนึ่งในนี้ล่ะ คือเจ้าของหัวใจตัวจริงของฉัน-แน่นอน !! แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "It's You เจ้าของหัวใจยังไงต้องใช่เธอ" เล่มนี้

เขียนโดย "Mina"

 

242 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (64 รายการ)

www.batorastore.com © 2024