อนงค์ (มุกเรียง)

อนงค์ (มุกเรียง)

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786160020898
ผู้แต่ง: มุกเรียง
มีสินค้าในสต็อค
ราคา: 260.00 บาท 65.00 บาท
ประหยัด: 195.00 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

สายตาชื่นชมภาพวาดบนผืนผ้าใบเปลี่ยนไปทันทีที่เลื่อนต่ำลงมา

เรื่อยๆ จนถึงข้อเท้าเรียวสวยของนางแบบในภาพ เจ้าของสายตาเยี่ยมหน้า

เข้าไปมองภาพเพื่อความชัดเจน ก่อนจะตบเปรี้ยงเข้าเต็มไหล่หนาของคน

วาดจนพู่กันในมือกระเด็น สีเปรอะผืนผ้าใบจนรูปที่กำลังรังสรรค์ผิดเพี้ยน

พร้อมกับที่เสียงโวยวายของทั้งคนถูกรังแกและคนลงมือดังขึ้น

“ฉิบหายหมด ป้าบ้าหรือเปล่า ตบมาได้ เละ!”

“แกน่ะสิบ้าหรือเปล่า วาดกำไลข้อเท้าทำไม แหกตาดูสิ ต้นแบบมี

กำไลที่ไหน ชุดราตรีเลิศหรูอลังการแบบนี้มันเหมาะกันตรงไหนกับกำไลที่แกเติมลงไป”

“เฮ้ย! ตาฝาดแล้ว ไม่ได้วาดลงไปซะหน่อย กำไลข้อเท้าอะไรของป้า”

คนวาดโวยวายปฏิเสธ

“นี่ไง แหกตาดู” คนจับผิดจิ้มลงไปให้เห็นชัดๆ โดยไม่กลัวมือเปรอะเปื้อน

“เฮ้ย! มาได้ยังไง”

“ก็แกวาดเอง ฉันมองอยู่”

“ไม่จริง ผมวาดตามแบบ ไม่ได้เพิ่มเติมอะไรเลย” คนเถียงเกาหัว

แกรก ผมฟูที่มัดหางม้าไว้หลวมๆ รุ่ยร่าย

นางแบบที่โพสท่าสวยงามนิ่งเป็นแบบให้วาดรูปเปลี่ยนอิริยาบถแล้ว

ก้าวมาหาอย่างมาดมั่นทันที เพราะเห็นสองคนถกเถียงกัน

“มีอะไรคะ เมื่อยนะ มัวทะเลาะกันอยู่ได้ ว้าย! ทำไมเป็นแบบนี้ล่ะ

พญา” ญาณิศาหน้าง้ำทันทีที่เห็นความเสียหายของภาพวาดสีน้ำมันที่ตนเป็น

แบบให้เพื่อนหนุ่มลงมือวาด สู้ทนยืนจนขาแข็ง แต่รูปก็มาเสียหายด้วยสีที่

ไถลยาวเป็นทาง เธอเห็นว่าพี่สาวตนเป็นคนตบไหล่สัภยา หรือที่เพื่อนๆ

เรียกว่าพญา ทำให้รูปวาดผิดเพี้ยน แต่มันคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น

ถ้าหากเขาไม่เติมกำไลข้อเท้าลงไป

“กำไลเชยๆ ใส่มาทำไม มันเข้ากับชุดของศาหรือก็เปล่า เสียอารมณ์

เสียเวลา ไม่เอาแล้ว ศาไปนวดดีกว่า”

“ศา อย่าเพิ่งสิ ผมขอโทษ คือผม โอ๊ย...จะพูดยังไงดี คือผมไม่ได้...”

“ไม่ต้องแก้ตัว เพราะฉันมองอยู่ นายจงใจเติมลงไป” ตีรณายืนยัน

ก่อนหันไปมองน้องสาวแท้ๆ ที่งอนตุ๊บป่องเดินหนีไป

“ผมเปล่านะป้า” สัภยายังเถียง จึงถูกคนที่เรียกว่าป้าตบหัวจนผม

รุ่ยร่ายนั้นกระจุยกระจายรุงรังกว่าเดิม

“ยังจะเถียง” “โอ๊ย! ป้า ตบหัวอีกแล้ว ผมไม่ใช่ลูกป้านะ ตบจนหาเมียไม่ได้แล้ว

เนี่ย เพราะป้าคนเดียว” สัภยาต่อว่าง้องแง้งแต่ไม่มีความโกรธเคืองเจือปน

อาจเพราะตีรณาเป็นรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยและเป็นพี่สาวของญาณิศา นางแบบ

ที่เดินงอนจากไปซึ่งเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกัน

สองคนพี่น้องแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ตีรณาดูแกร่งกร้าวและห้าวเกิน

หญิง ถ้าจะเรียกว่าเป็นทอมบอยก็คงไม่ผิด ในขณะที่น้องสาวนั้นสวย

เฉิดฉายสมกับอาชีพนางแบบและนักแสดงที่เธอใฝ่ฝัน

“หาไม่ได้หรือเลือกไม่ถูก” ตีรณาย้อน น้ำเสียงแกว่งเล็กน้อย เพราะ

รู้ว่าสัภยามีผู้หญิงเข้ามาพัวพันมากหน้าหลายตา เนื่องจากรูปร่างหน้าตาดี

และฐานะร่ำรวย

สัภยาหันมาสบตาแต่ไม่พูดอะไร แล้วหันไปเก็บอุปกรณ์อย่างเซ็งใน

อารมณ์หลังเพ่งภาพวาดบนผืนผ้าใบฝีมือตนเอง อะไรก็สวยไปหมด เสีย

แต่ตำหนิของภาพจากรอยปาดพู่กันและกำไลข้อเท้า...

กำไลข้อเท้า!

เขาเพิ่มเติมมันลงไปด้วยเหตุผลใด สัภยาให้คำตอบตนเองไม่ได้

“จะอยู่กินข้าวหรือกลับบ้าน” ตีรณาถาม ยืนกอดอกมองชายหนุ่ม

รุ่นน้องเก็บอุปกรณ์วาดภาพ

สัภยาหันไปมอง ถามเสียงเรียบ “เหมือนป้าอยากไล่ผมนะ”

“ไอ้นี่หาเรื่อง คนอย่างฉันถ้าคิดจะไล่ก็ไล่ตรงๆ ทำอย่างกับแกไม่เคยถูกฉันไล่”

“ก็จริงของป้า เพราะถึงป้าไล่ผมก็ไม่กลับ ขอกินข้าวสักมื้อแล้วกัน”

สัภยายิ้มหน้าชื่น แต่ตีรณากลับส่ายหน้าระอา

“ไม่มื้อละ แกผูกขาดปิ่นโตที่นี่เลย ไม่รู้ตัวหรือยังไง”

“อ้าวเหรอ ก็กับข้าวบ้านป้าอร่อยนี่ พ่อกับแม่ป้าก็ใจดี น้องสาวก็สวย...”

“หยุดแม้แต่จะคิด ถ้ายังไม่อยากถูกเตะ” ปากพูดถึงอวัยวะเบื้องล่าง

แต่เธอกำหมัดชกฝ่ามือตนเองอย่างข่มขู่

สัภยาทำท่าผงะก่อนหัวเราะร่วน ตีรณาดีกับเขาทุกอย่างยกเว้นเรื่อง

น้องสาวที่เจ้าตัวหวงยิ่งกว่าพ่อแม่เสียอีก เธอคอยกีดกันหนุ่มๆ ที่เข้ามาขาย

ขนมจีบ รวมถึงตัวเขาที่เป็นเพื่อนเรียนมาด้วยกันกับน้องเธอ

“ฝากป้าเอาของไปเก็บด้วยสิ ผมไปช่วยแม่ครูทำกับข้าว” เขายื่น

ทุกสิ่งอย่างที่หอบอยู่ให้ตีรณา จึงถูกค้อนใส่ สัภยาหัวเราะลั่นทันทีเมื่อเห็น

ท่าทางของหญิงสาว

“บ้า หัวเราะอะไร” ยิ่งถูกหัวเราะใส่เธอยิ่งเคือง

“ป้าอย่าทำแบบนี้อีก จะอ้วก” สัภยาหัวเราะร่วน และเขารู้ว่าตีรณา

เข้าใจความหมายของตนดี ก่อนจะเดินไปทางเรือนไม้ด้านหลังซึ่งเป็นครัว

แยกจากบ้านหลังใหญ่

บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้เก่าสองชั้น ปลูกบนเนื้อที่กว้างเพราะเป็นที่ดิน

เดิมของต้นตระกูล พ่อของตีรณาเป็นครูสอนศิลปะที่เกษียณออกมาทำงาน

ที่ใจรัก สอนเด็กวาดรูปโดยไม่คิดค่าตอบแทน แม่ก็เป็นครูศิลปะที่ลาออก

มาเป็นแม่บ้าน ดูแลลูกและทำงานที่ใจรัก ตัวเขาเองนอกจากเป็นเพื่อนกับ

ลูกสาวแล้ว ยังฝากเนื้อฝากตัวเป็นลูกศิษย์ของพ่อกับแม่เธออีกด้วย เขา

ชอบการวาดรูปและถ่ายภาพ แต่ครอบครัวบังคับให้เรียนเกี่ยวกับการเงิน

การบัญชีเพื่อจะได้ช่วยงานของครอบครัว

ครอบครัวพ่อค้าของเขาประกอบด้วยพ่อและพี่ชายที่ช่วยกันดูแล

ร้านค้าวัสดุก่อสร้างแบบครบวงจร ผู้ค้ารายใหญ่ที่สุดในจังหวัด กิจการเจริญ

รุ่งเรืองมาแต่รุ่นปู่ เมื่อพี่ชายเขาเข้าไปช่วยบริหารก็ยิ่งเจริญรุดหน้า เรียกว่า

ตระกูลเขาเวลานี้ติดอันดับเศรษฐีใหม่ของเมืองไทยเลยทีเดียว เขาจึงไม่

จำเป็นต้องเข้าไปช่วยงาน เขาขอทำในสิ่งที่ใจรัก เรียนวาดรูปกับพ่อของ

ตีรณาที่เขาเรียกว่าพ่อครู เรียนทำอาหารจากแม่ครูหรือแม่ของตีรณา และ

ติดสอยห้อยตามเธอไปถ่ายรูปหากมีงานว่าจ้างเข้ามา แม้ไม่มีค่าตอบแทน

แต่เขาก็ยังตามเธอไป จนบางครั้งบางคราก็ได้รับคำแนะนำและให้ลองทำงาน

มันเป็นประสบการณ์ที่เขาต้องการสั่งสมและยินดีเป็นอย่างยิ่ง

สัภยาแวะล้างมือที่ก๊อกน้ำข้างนอกเรือนไม้ ที่ต่อไว้เพื่อให้สะดวกใน

การรดน้ำต้นไม้และผักสวนครัว ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยามว่างของพ่อครู

แม่ครู รวมถึงการเลี้ยงเป็ดไก่ที่ปล่อยไว้ในอาณาเขตอย่างอิสระ เมื่อล้างมือ

ฟอกสบู่จนคิดว่าสะอาดที่สุดแล้ว เขาก็เดินเข้าไปในเรือนครัวซึ่งมีหน้าต่าง

ประตูมุ้งลวดกันแมลงอย่างดี

“หอมจังครับแม่ครู ให้ผมช่วยทำอะไรแลกข้าวแลกที่ซุกหัวนอนอีก

สักคืนไหมครับ” สัภยาสัพยอกหญิงวัยกลางคนร่างสมส่วน ใบหน้าแม่ครู

เต่งตึงก็จริง แต่ผมกลับเป็นสีดอกเลาทั้งหัว คงจะเข้ากันดีกับผมขาวโพลน

ของพ่อครู และเหมือนกันตรงที่ผมยาวๆ ของทั้งคู่จะเกล้ามวยสูงเอาไว้ตลอดเวลา

ญาดา หรือแม่ครูของสัภยาหันมายิ้ม ก่อนพยักหน้าเป็นสัญญาณ

แล้วบอกว่าจะให้เขาช่วยทำอะไรบ้าง “ล้างมือมาแล้วใช่ไหมพญา งั้นมาเด็ด

ใบโหระพา หั่นใบมะกรูดเป็นฝอย แล้วหั่นพริกชี้ฟ้า เตรียมไว้ให้แม่ครูทำห่อหมก”

“ว้าว! ห่อหมกทะเลหรือเปล่าคะแม่” เสียงตื่นเต้นของตีรณาดังขึ้น

ก่อนเธอจะแทรกตัวผ่านประตูเข้ามา แต่ก็ต้องหน้าง้ำเล็กน้อยเมื่อคำตอบผิดไปจากที่ตนคิด

“ห่อหมกปลาช่อนน่ะตี ทำไม ลูกอยากกินห่อหมกทะเลหรือจ๊ะ”

ญาดาถามกลับ แต่คนหน้างอเล็กน้อยส่ายหน้า

“ห่อหมกอะไรตีก็ทานได้ค่ะแม่ แค่แปลกใจ ปกติแม่ชอบทำห่อหมก

ทะเล แต่วันนี้ทำไมทำปลาช่อน”

“ก็คนไม่ชอบอาหารทะเลยืนอยู่ตรงนี้ยังไงล่ะ”

ญาดาบอกแล้วบุ้ยใบ้ไปทางสัภยาที่กำลังทำงานตามสั่งอย่างขะมัก-

เขม้น เมื่อมีการเอ่ยถึงเขา ชายหนุ่มก็หันไปยิ้มให้ตีรณา แต่ให้ดิ้นตาย เธอ

คิดว่าเห็นแววล้อเลียนในตาเขาจนอดรนทนไม่ได้ เดินเข้าไปตบปากจนรอยยิ้มปลิว

“อุ้ย! ป้า เล่นแรงอีกแล้ว”

“แกยิ้มล้อฉัน ตบให้ปากห้อย” ตีรณายังไม่ยอม พร้อมเงื้อมือขึ้นอีกครั้ง

“แม่ครูช่วยผมด้วย ป้าแกวัยทองก่อนเวลาอันควร ดุจริงๆ” สัภยา

วิ่งไปหลบหลังญาดา ปากร้องขอความช่วยเหลือ

ญาดามองลูกสาวแล้วส่ายหน้า ตนเห็นสองคนนี้หยอกเย้ากันรุนแรง

จนชินตา แต่ความรุนแรงนั้นเกิดจากลูกสาวของตนฝ่ายเดียว ถึงพร่ำสอน

สั่งอย่างไรตีรณาก็ไม่ปรับเปลี่ยนตนเอง แต่จะว่าไปแล้วลูกสาวจะห้าวและ

หยอกล้อรุนแรงเฉพาะกับสัภยาเท่านั้น ต่อหน้าคนอื่นก็วางตัวปกติเหมือน

สตรีทั่วไป แต่อาจไม่เรียบร้อยเป็นผ้าพับไว้เท่าไหร่ก็แค่นั้น

“สองคนนี้ทะเลาะกันเหมือนเด็กๆ ไม่เอาแล้วลูก พญากลับไปทำงาน

ตีมาช่วยแม่กลัดกระทงใบตอง”

“แม่ครูใช้คนผิดแล้ว ป้าแกทำไม่เป็นหรอก เดี๋ยวผมช่วย”

“แสนรู้ ไปทำงานของแกเลย ฉันทำเอง ทำได้ และทำสวยด้วย ขอ

บอก” ตีรณาเชิดหน้าใส่เมื่อผลักอกสัภยาออกห่าง แล้วลงมือกลัดกระทง

ใบตองไว้ใส่ห่อหมก

คนถูกไล่ถอยกลับไปทำงานของตน แต่เหลือบตามองตีรณาเป็นระยะ

จนงานของตนเองเสร็จก็ขยับไปยืนชิดมองหญิงสาวกลัดใบตองทำกระทง

ด้วยความชำนิชำนาญอย่างทึ่งๆ จากทีแรกจะยื่นมือเข้าช่วย แต่เมื่อเห็น

ความคล่องแคล่วก็ล้มเลิกความตั้งใจ ยืนมองเฉยๆ จนตีรณาแหวใส่

“ยืนเป็นหัวตอเลย ไม่คิดจะหยิบจับช่วยกันหรือยังไง”

“โวะ! พอจะช่วยก็ว่า ไม่ช่วยก็ด่า ป้านี่วัยทองจริงๆ จังๆ แล้วมั้ง”

สัภยาย้อน แต่ก็เดินเข้าไปช่วยหยิบจับ ทว่ากลายเป็นเกะกะจนมือ

ชนกัน มีดที่ใช้เจียนใบตองร่วงตกพื้น สัภยาก้มลงไปหยิบ แล้วชะงักมือเมื่อ

เห็นเท้าฝั่งตรงข้ามโต๊ะ เท้าเปลือยเปล่าคู่นั้นสวมกำไลที่ข้อเท้าข้างขวา

‘ใครวะ!’ คำถามแรกเกิดในทันที สัภยาเงยหน้าขึ้นมองเดี๋ยวนั้น แต่

ฝั่งตรงข้ามว่างเปล่า ไม่มีคนยืน แม่ครูก็ขยับมายืนใกล้ตีรณาเพื่อเรียงใบ โ

หระพาลงก้นกระทงแล้ว เพื่อความแน่ใจสัภยาก้มลงไปมองลอดโต๊ะอีกครั้ง

ครานี้พบแต่ความว่างเปล่า

“อะไรนายพญา ก้มๆ เงยๆ อยู่ได้” ตีรณาอดถามไม่ได้ เวลานี้เธอ

กลัดกระทงเสร็จแล้ว กำลังช่วยแม่เรียงใบโหระพารองก้นกระทง ส่วนญาดา

เปลี่ยนไปเป็นคนตักห่อหมกที่ผสมกันได้ที่แล้วมาหยอดในกระทง แล้วเรียง

ในลังถึงอย่างเป็นระเบียบ

สัภยาไม่ตอบ พูดไปก็คงไม่มีใครเชื่อ เพราะคนในเรือนครัวก็มีกัน

แค่สามคน ไม่เห็นมีใครใส่กำไลข้อเท้าสักคน เขาสรุปว่าตัวเองตาฝาด แล้ว

ขยับมาช่วยยกลังถึงที่วางกระทงห่อหมกจนเต็มแล้ว

“ระวังอย่าให้ตะแคง เดี๋ยวมันจะหกเลอะเทอะ เอามาวางบนหม้อน้ำ

เดือดนี่เลยจ้ะ ขอบใจมากนะพญา” ญาดากำกับทุกย่างก้าว ชื่นชมความมี

น้ำใจของชายหนุ่มผู้ซึ่งเป็นแขกประจำของบ้าน เรียกได้ว่าสัภยามาอยู่ที่บ้าน

หลังนี้จนเกือบเหมือนสมาชิกคนหนึ่งไปแล้ว แต่ใช่ว่าสัภยาจะมาอยู่ฟรีกิน

ฟรีแล้วได้วิชาความรู้ฟรี เขาซื้อเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าบ้านแทนการให้เงิน

เพราะตนและสามีไม่เคยรับ ที่สอนวาดรูปให้เขาก็สอนด้วยใจเหมือนสอน

เด็กที่อยากเรียนรู้โดยไม่คิดค่าตอบแทน แค่ได้เห็นผลงานของศิษย์ก็ชื่นใจ

เด็กหลายคนที่มาเรียนวาดรูปกับพวกตน ฝึกฝนและพัฒนาฝีมือจน

มีผลงานส่งเข้าประกวดและได้รางวัลมานักต่อนัก แม้ไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดัง

ระดับประเทศ แต่ก็มีผลงานไปวางขายแล้วมีคนสนใจซื้อหาไปประดับ

ตกแต่งบ้าน เด็กได้ค่าขนม ตนสองคนได้ความภูมิใจ

“ที่เหลือนี่ล่ะแม่” ตีรณาซึ่งลังเลว่าจะเรียงใบโหระพาลงก้นกระทงต่อ

หรือไม่ถามเพื่อความกระจ่าง

“ก็ทำให้หมดเนื้อปลาที่ผสมไว้นี่แหละตี”

“ทำไปไหนเยอะแยะคะแม่” เธอคิดว่าแค่ลังถึงที่นึ่งอยู่ก็มากพอแล้ว

สำหรับสมาชิกในครอบครัวรวมถึงคนกินจุอย่างสัภยา แต่นี่แม่จะให้ทำต่อ

จากการประมาณด้วยสายตา ตีรณาคิดว่าน่าจะใช้ลังถึงอีกสองลังทีเดียว

แล้วผู้เป็นแม่ก็ให้คำตอบ

“พรุ่งนี้วันพระ จะได้แบ่งเอาไว้ไปวัด แล้วตอนเย็นเด็กก็มาเรียน

วาดรูปกับพ่อ จะได้แบ่งให้เอากลับบ้านกัน”

“แม่พระ ใจบุญ” ตีรณารู้ว่าตนไม่ได้ประชด แม้คำพูดจะดูเหมือน

ประชด เธอแค่เย้าเล่น ทว่าคนที่ย้อนเธอกลับไม่ใช่แม่ แต่เป็นสัภยา

                     (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

รายละเอียด

มันผู้ใดที่พรากชีวิตเธอไป 
มันผู้นั้นจักต้องตายด้วยน้ำมือเธอเช่นกัน!
หลายชีวิตผูกพันด้วยกรรมมาแต่ชาติปางก่อน หนึ่งในนั้นคือวิญญาณอาฆาต รอวันแก้แค้นคนที่พรากชีวิตเธอไป
เมื่อพี่ชายของสัภยาซื้อที่ดินมาผืนหนึ่งเพื่อพัฒนาเป็นตลาดน้ำ สัภยาจึงไหว้วานตีรณาซึ่งเป็นช่างภาพอิสระ ให้ไปถ่ายรูปเก็บบรรยากาศการก่อสร้าง โดยหารู้ไม่ว่า เรือนไทยเก่าแก่ริมน้ำบนที่ดินผืนนี้ซ่อนอดีตอันน่าสะเทือนใจไว้
ที่แห่งนี้...คือเรือนหอที่หญิงสาวชื่อ ‘อนงค์’ ผูกคอตายในคืนแต่งงาน 
ทว่าความจริงไม่ได้เป็นอย่างที่เล่าขาน วิญญาณของหญิงสาวเฝ้ารอการกลับมาของชายอันเป็นที่รัก ขณะเดียวกันก็รอวันล้างแค้นคนที่ฆ่าเธอและอำพรางให้ดูเป็นการฆ่าตัวตาย!
วิญญาณพยาบาทของอนงค์ตามติดสัภยาและตีรณาไปทุกที่ หลายครั้งที่ชายหนุ่มเกือบเอาชีวิตไม่รอด เพราะอนงค์เชื่อว่าเขาคือคนที่ฆ่าเธอ เขากับตีรณาต้องหาทางปกป้องตัวเองพร้อมกับค้นหาความจริงในอดีต ก่อนที่พวกเขาและบุคคลใกล้ชิดอันเป็นที่รัก...จะต้องกลายเป็นเหยื่อสังเวยให้แก่อนงค์เสียเอง

รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024