ไขรหัสลับ ขุมทรัพย์เงินล้าน

ภาสกร |
17/08/2013

หนังสือไขรหัสลับ ขุมทรัพย์เล่มนี้ได้ถูกเขียนขึ้นโดยผู้ที่มีประสบการณ์จริงในการทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเนื้อหาหลักจะเกี่ยวข้องกับเรื่อง ความแตกต่างของคนจนกับคนรวย ว่าคนสองประเภทนี้มีอะไรที่ต่างกันบ้าง เช่น คนจนจะ กลัวเงินหมด ชอบบ่นว่าไม่มีเงินลงทุน ใช้เงินฟุ่มเฟือย ไม่รู้ว่าตัวเองไม่รู้อะไร กลัวผิดหวัง ไม่กล้าแสดงออก ขี้เกียจแต่จะเอา หวังแต่จะเพิ่งคนอื่น เห็นแต่อุปสรรค ไม่ชอบการแข่งขัน กลัวการต่อสู้ ขาดความอดทน ไม่กล้าคิดใหญ่ ไม่มีสติ อ่าน... แต่ไม่ทำ มีทัศนคติต่อเงินที่ผิด ชอบทำอะไรที่มันง่ายๆ คิดว่าตัวเองทำไม่ได้ ไม่รู้ว่าการอ่านทำให้รวยได้ ทำตัวเหมือนจะเก่ง เนื้อหาอื่นๆจะมีเกี่ยวกับการสร้างพลังงานด้าน บวก และหลีกเลี่ยงจาก พลังงานด้านลบ ซึ่งพลังงานนี้จะเป็นตัวกำหนดว่าเราจะสามารถประสบความสำเร็จได้หรือไม่ และพลังงานในตัวเราไม่ว่าจะด้านบวกหรือลบ ยังส่งผลกับคนรอบตัวเราอีกด้วย ถ้าเราอารมณ์เสียก็จะทำให้คนอื่นพลอยรู้สึกแย่ๆตามไปด้วย แต่ถ้าเรามีพลังด้านบวกอยู่เยอะก็จะกลายเป็นสามารถทำให้สถานการณ์รอบตัวให้ดีขึ้นตามไปด้วย ผู้เขียนได้กล่าวว่า จริงๆแล้วนั้นสิ่งที่คนรวยนั้นมีต่างกับคนจนไม่ได้อยู่ที่ว่าคนรวยนั้นมีการศึกษาสูงกว่า เรียนเก่งกว่า หรือหัวดีมีไอคิวสูงกว่า เลย แต่กลับอยู่ที่ จิตใจ มากกว่า ผู้ที่สามารถควบคุมจิตใจของตัวเองได้ จะมีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จ คนที่ไม่สามารถควบคุมจิตใจได้ เขายังได้เล่าประสบการณ์ของวัยเด็กที่เกิดจากครอบครัวที่ค่อนข้างจน และเคยถึงขนาดมีเงินเหลือติดตัวแค่ 5 บาท ซึ่งไม่เพียงพอแม้แต่จะซื้อข้าวกิน ต้องนั่งรถเมล์ไปขอพ่อ และได้เล่าต่อมาว่า เคยทำธุรกิจล้มเหลวไปธุรกิจแรกๆ แต่สุดท้ายก็ได้ประสบความสำเร็จการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์คือการ สร้างคอนโดขาย มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เคยทำธุรกิจรับสร้างบ้านให้คนต่างชาติแต่โดนโกงเงินงวดสุดท้ายไป 3 แสนบาท และต้องมีการจ้างทนายเพื่อฟ้องร้องกัน ทำให้เขาเครียดมากหลายเดือน สุดท้ายผู้เขียนได้ตัดใจไม่ฟ้องร้องต่อ และยอมขาดทุนเงินถึง 3 แสนบาท เพื่อที่จะทำให้จิตใจโล่งขึ้น ซึ่งก็คิดว่าคุ้ม เพื่อสร้างพลังด้านบวกให้กลับมากับตัวเอง ท้ายเล่มเขาได้ให้คำแนะนำเกี่ยวกับธุรกิจที่เขาบอกว่าค่อนข้างดี 3 อย่าง คือ 1. อสังหาริมทรัพย์ เขาได้กล่าวว่าเป็นธุรกิจที่ดีเนื่องจากเป็นธุรกิจที่ไม่ซับซ้อน มีสินค้าที่ไม่เสื่อมค่าไปตามการเวลา(เ่ช่นที่ดิน) สามารถทำกำไรได้สูง ในระดับ 30%-200% ต่อปี และสามารถใช้เงินกู้ได้มากเนื่องจากอสังหาริมทรัพย์สามารถนำไปใช้วางเป็นหลักทรัพย์เพื่อกู้เงินเพิ่มจากธนาคารได้ไม่ยาก ไม่เหมือนกับธุรกิจประเภทอื่นที่ไม่ได้มีทรัพย์สินที่มีมุลค่าค่อนข้างแน่นอน โดยเขาได้กล่าวสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจมาก คือ ถ้าจะซื้ออสังหาให้ดูที่มูลค่าที่แท้จริงเป็นหลัก อย่าดูที่ว่าราคาถูกอย่างเดียว เพราะถ้าราคาถูกจริงแต่ที่ดินไม่สามารถนำไปสร้างประโยชน์ที่มีมูลค่าสูงกว่าราคาที่ได้ ก็แสดงว่าอาจจะถูกไม่จริง 2. MLM (ขายตรง) เขาได้อธิบายได้อยา่งน่าสนใจเ่ช่นกัน คือธุรกิจนี้นั้นใช้เงินลงทุนน้อยมาก และต้องลงแรงกับเวลา แต่ว่าเป็นธุรกิจที่ขึ้นกับความสามารถของตัวเองล้วนๆซึ่งก็ดีมาก เพราะการที่จะประสบความสำเร็จได้นั้นไม่มีสิ่งใดจะดีไปกว่าการ ใช้ความสามารถของตนเองอย่างเต็มที่และได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย 3. หุ้น เขาได้กล่าวใว้อย่างน่าสนใจอีกเช่นกันว่า เรื่องการเลือกแนวทางการลงทุนไม่ว่าจะ VI หรือ Technical ไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ที่สำคัญคือนำวิธีการต่างๆมาผสมกันอย่างลงตัวและสร้างเป็นสไตล์การลงทุนของตัวเองที่ใช้ได้ผลขึ้นมา และที่สำคัญกว่านั้นคือต้องมีวินัย สามารถทำตามหลักการของตัวเอง โดยไม่ออกนอกลู่นอกทางไปเสียก่อน หลักสำคัญอีกอย่างที่เขาได้กล่าวถึงคือ สิ่งสำคัญอยู่ที่การควบคุมอารมณ์ ไม่ว่าหุ้นจะขึ้นหรือลง ต้องทำให้เหตุผลอยู่เหนืออารมณ์ให้ได้ และถ้าเราได้ศึกษาอ่านหนังสือหุ้นแล้ว ก็อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้วกระโดดมาเล่นหุ้นจะประสบความสำเร็จทันทีทันใด ให้ลองน้อยๆ ก่อนอาจจะซัก 30% ของเงินทั้งหมด เผื่อว่าถ้าพลาดไม่เป้นอย่างที่คิด จะได้มีเงินทุนเหลือเอาใว้ลงทุนต่อ และตอ้งเริ่มลงทุนกับตลาดจริง ไม่ใช่ว่ามัวแต่กล้าๆกลัวๆ ไม่งั้นก็อาจจะไม่ได้เริ่มสะสมประสบการณ์จริงเ่ีสียที โดยรวมแล้วผุ้เขียนท่านนี้เป็นคนที่มีความรุ้จริง มีประสบการณ์จริง และมีคอมมอนเซ็นส์ที่ดีมากๆท่านหนึ่ง นอกจากนี้ยังเขียนหนังสือได้ดี กระชับ อ่านสนุก มีมุขบ้าง เป็นหนังสือธุรกิจที่ดีมากๆอีกเล่มหนึ่่งครับ