เพียงเธอที่ปรารถนา

เพียงเธอที่ปรารถนา

0 รีวิว  0 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786115010059
ผู้แต่ง: ธุวดารา
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 170.00 บาท 42.50 บาท
ประหยัด: 127.50 บาท ( 75.00% )

เนื้อหาบางส่วน

 

 

ราวชั่วโมงกว่าก่อนแสงตะวันจะสาดส่องลงสู่พื้นโลกในเช้าวันใหม่ ความมืด

ยังคงปกคลุมไปทั่วบริเวณหมู่บ้านแห่งนี้ เว้นไว้แต่คฤหาสน์หลังงามนามเพราะ อัน

มีชื่อเรียกขานตามนามสกุลของผู้เป็นเจ้าของบ้าน ดวงไฟถูกเปิดเพิ่มความสว่างตั้งแต่ ท้องฟ้ายังไม่สาง

จากประตูรั้วอัลลอยบานสูงใหญ่ มีถนนรูปครึ่งวงกลมขนาดเลนเดียว โค้งยาว เข้าไปผ่านหน้าตัวบ้าน แล้วอ้อมกลับไปสู่ทางออกอีกค้านของประตูรั้วยาวสีทอง-

อร่าม

สนามหญ้าหน้าบ้านรูปครึ่งวงกลมซึ่งถูกถนนเล็กนั้นล้อมกรอบไว้ถูกตกแต่ง อย่างพิถีพิถัน ตามสไตล์นิยมของคุณผู้หญิงของบ้าน โดยมีจุดศูนย์กลางของสวนอยู่

ที่บ่อน้ำพุหินสีชมพูสองชั้นขนาดกลาง ตรงยอดเป็นที่ประทับมั่นคงของเทวนารี

รูปสะคราญ แกะสลักไดไร้ที่ติจากหินอ่อนสีนวล เปลือยกายอวดโฉมท่ามกลาง

สายน้ำเอื่อยรินไหลอยู่รายรอบ

หญิงชายสูงวัยคู่หนึ่งในชุดเครื่องแต่งกายเรียบหรูเต็มยศ ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่

ที่ตีนบันไดสามสี่ชั้น ทางขึ้น ‘คฤหาสน์วรวิชญพงศ์’ ฝ่ายชายยืนนึ่งสงบ ส่วน

ฝ่ายหญิงนั้นไค้แต่เด่นกระลับกระส่ายไปมาด้วยความหัวเสีย รอคอยบุคคลสำคัญ

“นี่มันจะตีห้าแล้วนะคะคุณ” คุณหญิงรสริน วรวิชญพงศ์ ว่า ขณะยกนาฬิกา ข้อมือฝังเพชรราคาเรือนแสนขึ้นดู พร้อมกับปันหน้าเป็นม้าหมากรุกใส่สามีวัยหกสิบสอง

 

 

 

“เอาน่า เดี๋ยวคงลงมา คุณใจเย็นๆ เถอะ'' พลเอกทรงภพตอบอย่างใจเย็น

“ทำไมไม่ให้ฉันไปก่อนก็ไม่รู้ เสียเวลา นี่ถ้าตาภูมิต้องรอนาน ลูกสาวคุณโดน

ดีแน่ๆ''

“รอนิดรอหน่อยไม่เป็นไรหรอก ดีไม่ดีเครื่องอาจจะยังไม่ลงด้วยซํ้า”

คุณหญิงรสรินทำตาควํ่าตาหงายสะบัดใส่ด้วยหมั่นไสในอาการกางปีกปกป้อง ‘ลูกสาว' ของสามี ที่แสนจะระคายหูคนฟังอย่างเธอ

“คุณพิมพ์มาแล้วค่ะท่าน'' เสียงพินอบพิเทาจากสาวใช้คนหนึ่งรายงาน พร้อม

กับที่หญิงสาวรูปร่างอรชรอ้อนแอ้นริบวิ่งสับขาจนแทบจะพันกันตรงบันไดสามสี่ขั้น

ลงมายืนตรงหน้าผู้อาวุโสทั้งสอง พร้อมทั้งยกมือที่ถือข้าวของพะรุงพะรังขึ้นไหว้

ขอโทษขอโพยด้วยสีหน้าเจื่อนสนิท

“ขอโทษที่ช้าค่ะ''

“รู้ตัวเหมือนกันนี่' คุณผู้หญิงของบ้านปรายตาเหยียดพร้อมกระทบเสียงขุ่น

ส่งผลให้ดวงหน้าของคนมาสายยิ่งซีดเผือด

“เอาเถอะ ๆ รีบไปรับตาภูมิกัน เดี๋ยวจะไม่ทันงานหนูพิมพ์'' ชายสูงวัยกล่าว

ตัดบท เรียบๆ

คุณหญิงรสรินจึงสะบัดตัวตุปัดตุป่องขึ้นพาหนะราคาเหยียบล้านไป

 

สนามบินสุวรรณภูมิ ...

“เครื่องดีเลย์ค่ะคุณ คงไม่ตํ่ากว่าสองชั่วโมง'' คุณรสรินรายงานสามีด้วยสีหน้า

ที่บ่งบอกชัดว่าเจ้าตัวไม่สบอารมณ์สุดขีด เพราะเวลาที่จะได้เห็นหน้าลูกชายหัวแก้ว

หัวแหวนเป็นอันต้องถูกเลื่อนออกไป

“งั้นคงรอไม่ไหว เพราะหนูพิมพ์จะไม่ทัน'' พลเอกทรงภพเงยหน้ามองไปทาง

แผงแสดงรายการขึ้นลงของเที่ยวบินต่างๆ แล้วเปรยขึ้น ซึ่งคุณหญิงรสรินก็เห็นด้วย

จึงหันไปทาง ‘ลูกสาว' ของสามี พร้อมกับบอกห้วนๆ

“เดี๋ยวเธอนั่งแท็กซIปละกัน จะได้ไม่สาย''

“ค่ะ คุณหญิง'' ศศิพิมพ์พยักหน้ารูปหัวใจของตนรับค่าสั่งเบาๆ นัยน์ตาหวาน

ปนเศร้าหลุบมองลงพื้น

“ไม่ได้ เดี๋ยวพ่อจะไปกับหนู ส่วนคุณ รอตาภูมิที่นี่'' พลเอกทรงภพด้านขึ้นมา

ด้วยเป็นห่วงสวัสดีภาพของหญิงสาวซึ่งเขารักและเอ็นดูประดุจดังลูกในไส้ของตน

 

“ไม่ได้นะคะ คุณจะนั่งแท็กซี่ไปน่ะเหรอ เกิดคนรู้จักเห็นขึ้นมาจะ ทำยังไง คุณ ไม่ใช่ตาสีตาสานะคะ...อย่าลืม !” คุณหญิงรสรินยํ้าตำแหน่งทางสังคมให้สามีฟัง คง ไม่ใช่เรื่องเหมาะสม หากจะมีคนรู้จักพบอดีต ‘ผู้บัญชาการทหารบก' นั่งรถรับจ้างคิด ราคาตามมิเตอร์

“ใครบอกว่าผมจะนั่งแท็กซี่ล่ะ ผมก็จะเอารถไปนั่นแหละ ส่วนคุณ เดี๋ยวผม โทรบอกมานพให้มารับ แล้วถ้าตาภูมิมาทัน ก็ให้ตามไปที่วิทยาลัยด้วย''

คนฟังชักสีหน้าไม่พอใจทันควัน

“อะไรกันคะ นี่คุณ'จะ'ไปกับศศึพิมพ์ ไม่อยู่รอรับลูกชายที่ไม่ได้กลับเมืองไทย

มาตั้งห้าปีงั้นเหรอคะ'' เธอถามเสียงสูงปรี๊ดคล้ายกับมันเป็นการกระทำที่รับไม่ได้โดย สิ้นเชิง

“เดี๋ยวก็ต้องได้เจอกันอยู่ดีนั่นแหละคุณ''

“เอ่อ... พิมพ์ไปเองก็ได้ค่ ะคุณพ่อ''

“ได้ยังไงหนูพิมพ์ ฟ้ายังไม่สว่างดีเลย ผู้หญิงคนเดียวนั่งแท็กซี่ตอนนี้อันตราย''

คนมีแววว่าจะถูกทิ้งทำเสียง ‘หึ' ในล่าคอ

“ตาภูมีมีคนคอยรับคนหนึ่งแล้ว แต่หนูพิมพ์โม่มีใครไปแสดงความยินดีใน

วันสำคัญของชีวิตสักคน ถือว่าผมขอนะคุณ'' ท้ายเสียงอ่อนลงอย่างต้องการใช้เหตุผล เข้าสู้

ใบหน้าที่ดูอ่อนกว่าวัยของคนฟังจึงคลายความขึ้งเคียดลงเล็กน้อย แต่ยัง

ไม่วายสะบัดเสียงตอบให้หญิงสาวอีกคนหน้าเสีย

“ตามใจคุณเถอะค่ะ ถ้าคุณจะไป ฉันจะห้ามอะไรได้''

 

ณ สนามหญ้าหน้าอาคารเรียนใหญ่ของวิทยาลัยนาฎศิลป์แห่งหนึ่ง บรรดา

ผู้สำเร็จการศึกษาในระดับนาฏศิลป์ชั้นสูงเตรียมพร้อมเข้ารับพระราชทานปริญญา

ศึกษาศาสตรบัณฑิต ต่างพากันจับจองมุมสวยๆ เพื่อถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกในวัน สำคัญของชีวิต

พลเอกทรงภพพารถยนต์ส่วนบุคคลเคลื่อนตัวเข้ามาด้านในและสามารถหา

ที่จอดได้ในที่สุด

วรดาเพื่อนสนิทของศศิพิมพ์วิ่งมารอรับเพราะเห็นเพื่อนสาวกำลังลงจากรถ

พอดี

“สวัสดีค่ะท่าน” วรดาในชุดครุยยกมือไหว้ท่าความเคารพชายสูงวัย ซึ่งอยู่ใน ฐานะผู้อุปการะของเพื่อนสนิท

“สวัสดีหนูดา ลุงดีใจด้วยนะ จบเสียที”

“ขอบคุณค่ะท่าน เอ่อ...ดาขออนุญาตพาตัวพิมพ์ใปถ่ายรูปกับเพื่อนๆ ทางนู้น หน่อยนะคะ”

“เอาสิ ลุงแก่แล้ว คงเดินตามไม่ไหว ไปเถอะหนูพิมพ์”

“ค่ะ คุณพ่อ เดี๋ยวพิมพ์กลับมานะคะ” เจ้าของเสียงหวานใสดังระฆังแก้วหัน

ไปกล่าวกับชายสูงวัย แล้วปล่อยตัวตามแรงจูงของเพื่อนสนิทไปทางสนามหญ้า

ซึ่งมี ผู้คนมากมายทั้งว่าที่บัณฑิตและญาติสนิทมิตรสหายอัดแน่นกันอยู่ภายในนั้น

“พี่เมธ เอาตัวพิมพ์มาได้แล้ว ถ่ายรูปคู่ให้ดากับพิมพ์หน่อย”

ชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาขาวตี๋ตามลักษณะลูกหลานคนจีน ซึ่งค่อนข้าง ละม้ายคล้ายกับสาวหมวยวรดาหันกลับมาเผชิญหน้ากับสองสาว วรเมธยิ้มกว้างทันที เมื่อพบกับนางในดวงใจตรงหน้า

“สวัสดีค่ะพี่เมธ”

“สวัสดีครับน้องพิมพ์ พี่ดีใจด้วยนะครับ”

“ขอบคุณค่ะ” ศศิพิมพ์คลี่ริมฝีปากแดงระเรื่อคล้ายกลีบกุหลาบของตนน้อยๆ

ส่งยิ้มให้พี่ชายของ เพื่อนสนิท

“อ้าวๆ มัวแต่มองกันตาเยิ้มอยู่นั่นแหละ ถ่ายรูปค่ะ ถ่ายรูป แดดร้อนนะคะ”

วรดาร้องขัดจังหวะออกมาเป็นเชิงล้อเลียนพี่ชายวัยยี่สิบห้าของตน เพราะรู้ดีว่าพ่อเจ้า- ประคุณกำลังหลงมนต์เสน่ห์ของนางในฝืนรูปงามเสียจนหัวปักหัวปา

ในขณะที่วรเมธกำลังถลึงตาปรามน้องสาว ชายหนุ่มรูปร่างเพรียวบางในวัย

ไล่เลี่ยกันกับศศิพิมพ์และวรดาก็ก้าวเข้ามาด้วยท่าทางริบร้อนพร้อมกับดอกลิลลี่สีขาว

ช่อโตในมือ

“วัต นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว” ศศิพิมพ์ผินหน้าไปทางผู้มาใหม่ ร้องหักด้วยเสียง

ยินดี

“ไม่มาได้ยังไง วันสำคัญของพิมพ์” อนุวัตบอกเสียงหอบ หลังจากวิ่งตามหา เพื่อนสาวทั่วบริเวณ

ชายหนุ่มเป็นนักศึกษาแพทย์ของมหาวิทยาลัยรัฐชื่อดัง คบหาในฐานะเพื่อน สนิทของศศิพิมพ์มาตั้งแต่สมัยมัธยม ก่อนที่หญิงสาวจะสอบเข้าเรียนที่วิทยาลัย

นาฏศิลป์

“ขอบใจจ้ะ น่ารักจัง'' ศศิพิมพ์ก้มลงชื่นชมช่อดอกไม้ด้วยความถูกใจ

“แล้วของดาล่ะวัต''

“อ้าว ! ดาจบด้วยเหรอ วัตลืมไป''

“เอ๊ะ ! พูดแมว ๆ ก็ดาเรียนรุ่นเดียวกับพิมพ์ พิมพ์จบ ดาจะไม่จบได้ยังไงล่ะ

เนี่ยนะ นักเรียนแพทย์ ไอคิวตํ่ามาก'' วรดาลากเสียงยาวในตอนท้ายของประโยคเป็น

เชิงกระทบกระเทียบนักเรียนแพทย์หนุ่ม

“มันไม่เกี่ยวกับไอคิวหรอก ที่จำไม่ได้เพราะไม่ได้ให้ความสนใจ'' อนุวัตบอก

ปัด ๆ อย่างไม่ใคร่จะใส่ใจ เพราะเขากับวรดาเป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน คิดว่าเธอ

คงจะหวงเพื่อนสาวไว้ให้พี่ชายจึงพยายามกันท่าเขากับศศิพิมพ์เสมอ

“แล้วใครอยากให้นายมาสนใจไม่ทราบยะ'' วรดาเท้าสะเอวถามเสียงขุ่น

“เอาเถอะ ๆ เลิกเถียงกันได้แล้ว พิมพ์ปวดหัวแล้วเนี่ย'' ศศิพิมพ์ล่งเสียงนุ่ม

นวลห้ามทัพคู่กรณีด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ

“น้องพิมพ์ปวดหัวเหรอครับ พี่เตรียมยาดมมาเผื่อเป็นลมกัน นี่ครับ...หิวนํ้า

ไหม เดี๋ยวพี่ไปซื้อให้'' วรเมธกุลีกุจอหายาดมแก้วิงเวียนศีรษะที่เตรียมมาให้ สีหน้า

ดูมีกังวลเป็นห่วงเหลือคณา จนชายหนุ่มอีกคนอดกรุ่นในใจไม่ได้

“หิวค่ะคุณพี่ชาย คอแห้งจะตายอยู่แล้ว บริการน้องสาวด้วยสี''

วรดาแกล้ง กระแหนะกระแหนพี่ชายสุดที่รัก วรเมธจึงถูกใช้ไปซื้อเครื่องดื่มมาดับกระหาย ทิ้งให้สองบัณฑิตสาวกับอีกหนึ่งหนุ่มยืนถ่ายรูปกันต่อ

 

“ตาภูมิ ตาภูมิ ทางนี้ลูก” คุณหญิงรสรินโบกมือเรียกชายหนุ่มรูปร่างสูงหนา

ท่าทางภูมิฐานที่กำลังเดินมาในกลุ่มผู้โดยสาร ล่งผลให้คนถูกเรียกต้องสอดส่าย

นัยน์ตาเรียวสีนิลคมกริบประดุจพญาเหยี่ยวเพี่อหาบุคคลที่ต้องการ และแล้ว

รีมฝีปากหยักได้รูปก็แย้มเยื้อนออกมาน้อย ๆ เมื่อพบกับหญิงสูงวัยในชุดผ้าไหมเรียบ

หรูที่อยู่ในกลุ่มญาติที่มารอรับผู้โดยสาร

ท่อนขายาวสาวเข้าไปใกล้เป้าหมายเรื่อย ๆ พอคนที่รอคอยมาถึง คุณหญิง

รสรินแทบจะกลั้นนํ้าตาไวไม่ไหว ความปีติยินดีที่ได้เห็นลูกชายกลับมาเหยียบ

แผ่นดินบ้านเกิดอีกครั้งหลั่งไหลเข้าท่วมท้นหัวใจของคนเป็นแม่ เธอโผเข้ากอดรัด บุตรชายคนเดียวไว้แน่น ซบหน้าร้องไห้ล่งเสียงสะอึกสะอื้นกับแผงอกแกร่ง

 

“โถ ทูนหัวของแม่'' คุณหญิงรสรินเงยหน้าขึ้นมองลูกชายซึ่งมีความสูงมาก

กว่าตนหลายคืบ พลางยื่นมือลูบไสไปตามโครงหน้าคมเข้มถอดแบบผู้เป็นพ่อ แม้จะ

มีร่องรอยของอายุที่เพิ่มมากขึ้น แต่สำหรับชายหนุ่มวัยสามสิบเจ็ดแล้ว ภูมิรพียังดู

อ่อนเยาว์กว่าอายุจริงมากนัก

“อะไรกันครับ ผมเพิ่งมาถึง คุณแม่ก็ร้องไห้ซะแล้ว'' ดอกเตอร์ภูมีรพี

วรวิชญพงศ์ กระเซ้ามารดา

“ก็แม่ดีใจนี่จ๊ะ กลับมาคราวนี้อยู่ตลอดไปเลยใช่ไหมลูก อย่าหลอกให้แม่ดีใจ

เก้อนะ'' คนแก่วัยห้าสิบเก้าถามอย่างมีความหวัง

เป็นไม้ใกล้ฝังเข้าทุกที เธอเองก็อยากจะให้ลูกชายกลับมาอยู่ดูแลยามแก่เฒ่า แม้ว่าจะมีโอกาสได้ไปเยี่ยมภูมิรพีที่ต่างประเทศบ้าง แต่อย่างมากก็สองสามครั้งต่อปี

ซึ่งเวลาเพียงแค่นั้น มันไม่เพียงพอสำหรับคนเป็นแม่อย่างเธอเลยสักนิด

“คิดว่าอย่างนั้นครับ''

“ตอบไม่หนักแน่นเลยตาภูมิ''

มุมปากหยักปรากฏรอยยิ้มบาง ๆ ข้นกับท่าทางกระเง้ากระงอดราวกับสาวรุ่น ของมารดา

“เอาเป็นว่า...เวลานี้ ผมตั้งใจจะกลับมาอยู่บ้านเลยละกันครับ แต่ถ้าอนาคต

จะมีอะไรเปลี่ยนแปลง นั่นก็เป็นอีกเรื่อง''

คุณหญิงรสรินตั้งท่าจะเรียกร้องเอาคำสัญญาที่หนักแน่นกว่านี้ แต่พ่อลูกชาย กลับเสเปลี่ยนเรื่องไปหน้าตาเฉย

“เอ่อ...แล้วคุณพ่อล่ะครับ'' ร่างสูงถามพลางหันซ้ายหันขวาหาบิดา ส่งผลให้

คนเป็นแม่ทำหน้าควํ่าตาหงายเสียยิ่งกว่าเดิม

“อย่าไปถามถึงคนไม่รักลูกเลยจ้ะ ลูกแท้ๆ กลับมาทั้งที ไม่ไยดี มัวแต่ไป

ประคบประหงมลูกนอกไส้อยู่ได้''

คิ้วหนาเหน่อดวงตาคมเลิกขึ้นเล็กน้อยเป็นเชิงไม่เข้าใจ คุณหญิงรสรินได้ทีจึง

 รีบฟ้องบุตรชาย

“วันนี้แม่ศศิพิมพ์คนดีเขารับปริญญา พ่อเราก็เลยต้องกลายเป็นคนขับรถไป

ส่งถึงที่''

“งั้นเหรอครับ'' ดอกเตอร์หนุ่มใหญ่พึมพำเบา ๆ พลางคิดไปถึงเด็กน้อยวัยสิบ ขวบที่บิดาพาเข้าบ้าน และคอยแต่จะหลบอยู่ทางด้านหลังเกาะแข้งเกาะขาพลเอก

 

ทรงภพไม่ห่าง นึกแล้วก็ให้ประหลาดใจนัก ไม่น่าเชื่อว่าเวลาผ่านไปรวดเร็วถึงเพียงนี้

...สิบสองปีแล้วสินะ ที่เขาไม่ได้เจอศศิพิมพ์

“ผมว่าเราควรจะไปแสดงความยินดีกับศศิพิมพ์ด้วย ยังทันรึเปล่าครับ'' ชาย หนุ่มแสดงความคิดเห็นขึ้นมา ด้วยฐานะหน้าที่ตามกฎหมายแล้ว เขาสมควรที่จะอยู่

ร่วมในวันสำคัญของศศิพิมพ์เป็นอย่างยิ่ง

คุณหญิงรสรินลอบทำหน้าเหนื่อยหน่าย แล้วรีบบอกปัด ไม่ใคร่จะไยดี

“ไม่ทันแล้วละมั้ง เขารับตั้งแต่เช้า แม่ว่าอย่าไปเลย เรากลับมาเหนื่อยๆ กลับ

ไปพักที่บ้านดีกว่า''

สุดบ้ายสองแม่ลูกจึงมุ่งหน้ากลับบ้านวรวิชญพงศ์ โดยมีคนขับรถที่พลเอก

ทรงภพเรียกให้มารับทำหน้าที่เป็นสารถี น้าเจ้านายทั้งสองมาล่งยังคฤหาสน์หลังงาม อย่างปลอดภัย

 

“เป็นยังไงคะคุณ งานรับปริญญาของลูกสาวคนเก่ง”

พลเอกทรงภพชะงักเท้าทันที เมื่อได้ยินเสียงของภรรยาที่เจ้าตัวดัดเสียจน

หวานเลี่ยน เสมือนแสร้งถามอย่างเสียมีได้

“ก็ดี คนเยอะ'' ประมุขใหญ่ของบ้านตอบเรียบ ๆ พลางถอนใจ แล้วมองหา บุตรชายไปทั่วบริเวณบ้องนั่งเล่น

“ตาภูมิล่ะ''

“อาบน้ำอยู่ช้างบนค่ะ''

อดีตนายทหารใหญ่พยักหน้ารับรู้

“ทำไมไม่พาลูกไปงานหนูพิมพ์ ยังไงสองคนนี้ก็มีศักดิ์เป็นพ่อลูกกันตาม กฎหมายพ่อก็น่าจะไปแสดงความยินดีกับความสำเร็จของลูก''พลเอกทรงภพกล่าวด้วย น้ำเสียงจริงจัง

แม้ภูมิรพิจะไม่ได้สนิทชิดเชื้อกับศศิพิมพ์ แต่อย่างไรชายหนุ่มก็ถือเป็น

พ่อบุญธรรมตามกฎหมาย สมควรจะไปร่วมแสดงความยินดีกับลูกสาวบุญธรรมบ้าง

เพื่อ แสดงน้ำใจ

“โอ๊ย ! อย่ามายกลูกสาวแสนดีของคุณให้ตาภูมิเลยค่ะ เชิญคุณเก็บไว้ชื่นชม

คนเดียวเถอะ อีกอย่างลูกเพิ่งจะเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลร่วมสิบชั่วโมงมาเหนื่อย ๆ

เวลาก็ยังปรับไม่ได้ ใจคอคุณจะไม่ให้ลูกพักบ้างเหรอคะ'' คุณหญิงรสรินยกเหตุผล

 

 

   (โปรดติดตามต่อในฉบับเต็ม)

 

 

รายละเอียด

"เพียงเธอที่ปรารถนา" นำเสนอเรื่องราวความรักระหว่าง "ด็อกเตอร์ภูมิรพี"กับ "ศศิพิมพ์" ที่เปรียบประดุจดังลูกตุ้มนาฬิกา..เหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวาตามหาจุดศูนย์ถ่วงที่สมดุล..รอวันที่จะหยุดนิ่ง..รอเวลาที่จะมีโอกาสหลอมรวมหัวใจรักทั้งสองให้เป็นหนึ่งเดียว ทว่าอุปสรรคที่ทอดยาวอยู่เบื้องหน้านั้น กลับมองไปไม่เห็นจุดสิ้นสุด ทั้งกำแพงประเพณี ศีลธรรม ความเหมาะสมที่ขวางกั้น ทั้งบทกฎหมายที่ยืนยันให้ได้รู้ชัด ว่าความรักครั้งนี้ เป็นรักต้องห้ามอย่างแน่แท้ แต่มีหรือที่คนอย่าง "ด็อกเตอร์ภูมิรพี" จะถอดใจ ในเมื่อเขาตั้งสัตย์ไว้แล้วว่า ชาตินี้จะไม่ขอรักใครอีก...นอกจากเธอ... "ศศิพิมพ์" ถึงอย่างไรเขาก็จะสู้ มุ่งหน้าทลายกำแพงอุปสรรคหนาทึบที่ขวางกั้น..เพื่อเธอเพียงคนเดียวตามที่เขาปรารถนา !!

แล้วเรื่องราวจะดำเนินต่อไป และมีบทสรุปอย่างไร !? ขอเชิญคุณผู้อ่านมาติดตามร่วมกันในนิยาย "เพียงเธอที่ปรารถนา" เล่มนี้

เขียนโดย "ธุวดารา"

 

256 หน้า


รีวิว (0)


สินค้าที่ใกล้เคียง (96 รายการ)

www.batorastore.com © 2024