เจริญ รุจิราโสภณ นักธุรกิจ 1,000 ล้าน

เจริญ รุจิราโสภณ นักธุรกิจ 1,000 ล้าน

1 รีวิว  1 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167318875
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 150.00 บาท 135.00 บาท
ประหยัด: 15.00 บาท ( 10.00% )

รายละเอียด

หนังสือเรื่องนี้จะพาคุณผู้อ่านไปรู้จักกับชีวิตที่ไกลเกินฝันของ "เจริญ รุจิราโสภณ" นักธุรกิจระดับ 1,000 ล้าน เจ้าสัวธุรกิจอาหารระดับโลก ผู้สร้างอาณาจักร "ส.ขอนแก่น" ใครที่คิดว่าชาตินี้ต้องรวย ขอให้ดูบุคคลท่านนี้เป็นตัวอย่าง จากชีวิตเด็กยากจน ที่ต้องอดมื้อกินมื้อ แต่สามารถผลักดันตัวเองแบบก้าวกระโดด จนปัจจุบันได้สร้างธุรกิจขยายไปทั่วโลก หลายท่านอาจยังไม่รู้จักเจ้าสัวท่านนี้อาจเป็นเพราะท่านค่อยข้างเก็บตัว ไม่ได้ค่อยออกสื่อ แต่บุคคลท่านนี้มีชีวิตการทำงานที่ดีตั้งแต่สมัยเป็นผู้บริหารที่ซีดี สร้างผลงานที่เด่นชัด คือสร้างแบรนด์ไก่ย่างห้าดาวให้ติดตลาด จากนั้นผันตัวเองมาทำธุรกิจส่วนตัว และสร้างชื่อด้วยแบรนด์ "ส.ขอนแก่น" จนมีชื่อเสียง ท่านมีแนวคิดบริหารที่นักธุรกิจรุ่นใหม่ควรเรียนรู้ น่าอ่านจนถึงบรรทัดสุดท้าย สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการบริหารได้จริง ขอเชิญคุณผู้อ่านมาร่วมสัมผัสกับประสบการณ์เหล่านั้นร่วมกันในหนังสือ "เจริญ รุจิราโสภณ : นักธุรกิจ 1,000 ล้าน ผู้สร้างอาณาจักร ส.ขอนแก่น" เล่มนี้
เรียบเรียงโดย "วัฒนาวดี เอิ้ออารักษ์"
 
144 หน้า
 
 
สารบัญ
1. แรงผลักดันจากพื้นฐานที่ยากลำบาก
- พื้นฐานครอบครัวที่เต็มไปด้วยอุปสรรค
- ฉายแววหัวการค้าด้วย "วิธีหาเงิน" ตั้งแต่อายุ 13 ปี
- กว่าจะได้เรียนโรงเรียนฝรั่ง (อัสสัมชัญพาณิชยการ)
 
2. ก้าวย่างของ "ว่าที่" เจ้าสัว
- ตั้งเป้าเป็นเถ้าแก่
- เข้าสู่อาณาจักรซีพี (เครือเจริญโภคภัณฑ์)
- ดันลูกชิ้นไก่ติดตลาดด้วยเงินสองหมื่นบาท
 
3. เริ่มชีวิต "เถ้าแก่"
- ออกจากซีพี
- ชีวิตหลังถอดหมวกจากองค์กรใหญ่
 
4. สูตรสำเร็จของ ส.ขอนแก่น
- "สูตรอร่อย" ของ ส.ขอนแก่น
- บทเรียนสำคัญทางธุรกิจ
 
5. แรงส่งสู่ความสำเร็จ
- คุณเจริญ รุจิราโสภณ
- คุณนิรมล รุจิราโสภณ

รีวิว (1)

เขียนรีวิว

ภาสกร | 1 รีวิว
28/10/2013

หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือธุรกิจอีกเล่มที่ให้แง่คิดเยอะมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ (ตามที่ผมคิดใว้แต่แรกเมื่อเห็นหน้าปก) และเมื่อได้เรียนรู้เกี่ยวกับคุณเจริญแล้วก็ยิ่งต้องบอกว่าทึ่งมากๆ เพราะท่านนั้นเติบโตแทบจะเรียกว่ามาจาก 0 จริงๆ และยังเป็นคนที่สามารถเข้าไปเติบโตอย่างลูกจ้างมืออาชีพในบริษัทขนาดยักษ์อย่าง CP ได้เสียอีก และหนึ่งในสิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเขานั้นเรื่องหนึ่งที่สุดยอดมากคือ การยอมถอย 1 ก้าวเพื่อจะก้าวไปข้างหน้าอีก 10 ก้าว คือตอนที่คุณเจริญได้ลาออกจาก CP ตอนอายุ 36 เมื่อได้คำนวนแล้วว่าแม้การเป็นผู้บริหารระดับแทบจะสูงสุดแล้ว และมีเงินเดือนสูงมาก พร้อมกับบริวารมากมาย (ตามที่ผู้เขียนได้เล่าว่าตำแหน่งต่ำกว่าเจ้าสัวธนินท์เพียงไม่กี่ขั้น) ก็อาจจะไม่สามารถมีเงินเดือนเยอะและมีความมั่งคั่งในระดับที่คุณเจริญต้องการได้ (รวมทั้งมีบ้านหลังใหญ่และเป็นเถ้าแก่ด้วยตัวเอง) จึงได้ตัดสินใจลาออกมาโดยที่มีเงินติดตัวมาเพียง 3 แสนบาท เพราะเขาได้เริ่มเก็บเงินค่อนข้างช้า ทั้งๆที่ทำงานที่ CP มาเป็น 10 ปี โดยได้กันเงินใว้อีก 1 แสนบาท เผื่อเอาใว้ถ้าทำธุรกิจไม่สำเร็จภายใน 1 ปีก็จะใช้เงินจำนวนนี้ในระยะเวลาที่ต้องหางานใหม่ซึ่งเขาก็คิดว่าถ้าทำไม่สำเร็จก็อาจจะแสดงว่าไม่มีดวงเป็นเถ้าแก่ ก็จะเป็นลูกจ้างต่อไปซึ่งก็เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นว่าคุณเจริญนั้นมีความคิดที่นอกจากจะทะเยอทะยานแล้วแต่กลับมีความรอบคอบและติดดินกว่าที่เห็นมาก ซึ่งนับว่าเป็นคุณสมบัติที่หายาก เรื่องอื่นๆที่น่าสนใจเช่น เรื่องที่คุณเจริญมองการตลาดเป็นอันดับ 1 เพราะถ้าอาหารอร่อยแต่เข้าไม่ถึงลูกค้าก็ไม่มีประโยชน์แต่ อาหารที่รสชาติธรรมดาแต่เข้าถึงคนได้ทุกคน ก็จะขายดีกว่า แต่เขาก็ได้บอกถึงหลัก 3 ประการในการทำธุรกิจอาหารให้ประสบความสำเร็จ โดยถ้ามีครบทั้ง 3 ข้อนี้โอกาสสำเร็จจะสูงมากคือ 1. ความอร่อย 2. ราคาไม่แพง 3. รสชาติต้องเหมือนกันทุกที่ ซึ่งก็เหมือนกับธุรกิจอีคอมเมอร์ซที่ผมทำอยู่ก็มี 3 ประการเช่นกันและถ้ามีครบก็โอกาสสำเร็จสูงมากเช่นกัน 1. สินค้าหลากหลาย 2. ราคาถูก 3. บริการดีส่งเร็ว แค่หลัก 3 อันนี้ถูกพูดออกมาจากปากของผู้ประสบการณ์ความสามารถสูงอย่างคุณเจริญก็เท่ากับหนังสือเล่มนี้นั้นคุ้มยิ่งกว่าคุ้มแล้วไม่นับเรื่องอื่นๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการทำการตลาดด้วยงบการตลาดเท่าจิ๋มมด คือ ได้งบมา 2 หมื่นบาท ให้ทำลูกชิ้นไก่ให้ติดตลาด ทั้งๆที่สมัยเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้น คนจะกินกันแต่ลูกชิ้นเนื้อ (ตรงข้ามกับปัจจุบันที่ไม่ค่อยกินแล้ว) ซึ่งถ้าไปลง หนังสือพิมพ์หน้าหนึ่ง ก็ต้องใช้ เป็นแสนบาท และลงได้ครั้งเดียว ก็เหมือนเอาเงินไปเททิ้ง และคนขายลูกชิ้นก็ไม่กล้ารับลูกชิ้นไก่ไปขายเพราะคนไม่นิยมกิน ถ้าเอาไปแล้วขายไม่ออกก็ขาดทุนเยอะมาก ทำให้คุณเจริญคิดแผนการแจกลูกชิ้นไปฟรีๆ โดยเมื่อคำนวนต้นทุนลูกชิ้นไก่ที่ต้องแจกแล้ว งบ 20000 บาท สามารถแจกได้เยอะมาก ซึ่งคนขายลูกชิ้นก็โอเคเพราะ ถ้าขายได้คือกำไรล้วน (เพราะได้ลูกชิ้นไก่มาฟรี) จึงทำให้ติดตลาดอย่างรวดเร็ว แทนที่จะไปใช้งบโฆษณาช่องทางอื่น บทเรียนข้อนี้คือต้องมองให้ออกว่าแต่ละฝ่ายต้องการอะไร และทำให้ความต้องการของเขาไปในทางเดียวกับเรา นอกจากนี้ยังมีเรื่องการจ้างบุคลากร ซึ่งเขาได้ให้แง่คิดว่าต้องมีการดูโหงวเฮ้ง (อาจจะเรียนรู้เรื่องนี้จากการทำงานใน CP) เพราะจะช่วยได้มาก และสิ่งที่พนักงานต้องมี 3 ข้อคือ 1. ซื้อสัตย์ 2. ขยัน 3. เก่ง ซึ่งซื่อสัตย์และขยันต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก เพราะถ้ามีสองข้อนี้แต่ไม่เก่งมาก ก็ยังฝึกให้เก่งขึ้นได้ แต่ถ้าเก่งอย่างเดียวแต่ไม่ซื่อสัตย์รับรองว่าต้องทำให้บริษัทเสียหายแน่นอน ส่วนถ้าขยันแต่ไม่ซื่อสัตย์และเก่งก็แย่เช่นกัน เพราะจะทำให้แย่ไปใหญ่ โดยเขาได้แนะวิธีการดึงคนว่าถ้าเราให้พนักงานได้มีหุ้นในบริษัท และหาคนที่ทำงานแบบเถ้าแก่ ไม่ใช่แบบลูกจ้าง คนเหล่านี้จะทำเพื่อบริษัท ไม่ใช่เอาแต่หาโอกาสเอาเปรียบบริษัทอยู่ตลอดเวลา ซึ่งสำหรับลูกน้องคุณเจริญที่ทำงานจนขึ้นถึงระดับหนึ่งแล้วจะมีการให้หุ้นในบริษัทด้วย ซึ่งถือว่าค่อนข้างใจกว้างเลยทีเดียว เมื่อเขาได้ออกมาก่อตั้งบริษัทของตัวเองแล้วก็ต้องพบว่าช่วงแรกของการทำธุรกิจที่มียอดขายไม่เยอะหรือธุรกิจ ที่เพิ่งเริ่มก่อตั้งนั้น การกู้เงินธนาคารเป็นเรื่องที่ยากมากจนเกือบจะเป็นไปไม่ได้ แถมเวลาไปกู้ต้องใช้เวลานานมาก ผ่านไป 3 เดือนเพิ่งจะกลับมาบอกว่าไม่ให้กู้ ซึ่งเสียเวลาเสียโอกาสในการทำธุรกิจเป็นอันมาก เขาจึงต้องใช้วิธีพึ่งตัวเองโดยการขายของที่ขายดี และเมื่อขายดีก็ทำให้ต้องสร้างโรงงานเพิ่มกำลังการผลิต ทำให้โตเร็วมากและไม่ต้องใช้เงินจากข้างนอกเลย นอกจากนี้ยังเน้นการขายที่ตลาด เพราะรับเงินเป็นเงินสด แทนที่จะขายในห้างสรรพสินค้าอย่างเช่น เซ็นทรัล เพราะต้องปล่อยเครดิตนานหลายเดือน ซึ่งก็เป็นเทคนิคการบริหารเงินทุนที่ทำให้บริษัทเติบโตจนสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้ และเมื่อทำได้ถึงขั้นนั้นก็มีเงินทุนจากต่างประเทศมาให้หลายร้อยล้านบาทได้อย่างไม่ยากนัก นอกจากนี้ภายในเล่มยังมีเรื่องราวบทเรียนความผิดพลาดของเขาอีกอย่างคือ การจับปลาหลายมือ หรือการธุรกิจหลายอย่างมากเกินไปนั่นเอง และทำให้ต้องเสียเงินไปหลายสิบล้าน แถมยังทำให้ขาดสภาพคล่องอย่างหนักและมีหนี้เพิ่มขึ้นมาอย่างมากมาย เช่นการตั้งบริษัทขึ้นมาถึง 30 บริษัท ทำทั้งอสังหา (เพราะเห็นคนอื่นทำแล้วรวย) ทำธุรกิจนำเข้าส่งออกผลไม้ โดยเคยมีการส่งออกแตงโมแต่พอส่งทางเรือไปถึงปรากฎว่าแตงโมระเบิดหมด ค่าเสียหายจากครั้งนั้นหลายล้านบาทซึ่งถือว่าเยอะมากเมื่อ 20 ปีก่อน ต้องเจรจากับเจ้าหนี้และต้องใช้หนี้อยู่หลายปีกว่าจะหมด สุดท้ายก็ได้บทเรียนว่า อย่าทำสิ่งที่ไม่ถนัดและอย่าจับปลาหลายมือ (บทเรียนเดียวกับวอร์เร็นบัฟเฟตเป๊ะ) นอกจากนี้เมื่อวิกฤตปี 40 มาถึง ทำให้หนี้จาก 300 ล้านกลายเป็น 600 ล้านก็แย่อีก จนคุณเจริญคิดถึงกับขนาดว่าอาจจะหนีไปต่างประเทศก็คือล้มบนฟูกไม่ต้องรับผิดชอบหนี้ แถมยังมีเงินเหลืออีกหลายร้อยล้านบาท แต่เขาก็ไม่เลือกทางนี้ แต่เลือกที่จะเจรจากับเจ้าหนี้เพื่อพยายามยืดหนี้ ลดหนี้ หรืออะไรก็ตามแต่ไม่มีการหนี และจะติดต่อเจ้าหนี้ไปเองด้วยซ้ำ นับว่าเป็นคนที่มีความกล้าหาญอย่างยิ่ง สุดท้ายจึงได้กลายสาเป็น ส.ขอนแก่นในปัจจุบันซึ่งมีกำไรปีละหลายสิบล้านบาท มีรายได้ปีละหลายพันล้านบาท และโลดแล่นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ท้ายเล่มยังมีแถมด้วยเรื่องราวของลูกชายทั้งสองคนรวมทั้งภรรยาที่ร่วมต่อสู้มากับคุณเจริญซึ่งน่าจะเขียนจากตัวพวกเขาเองทำให้ได้เรียนรู้เรื่องราวระหว่างพ่อแม่ลูกของครอบครัวนี้อีกด้วยครับ หนังสือเล่มนี้ไม่ยาว เล่มเล็กๆ อ่านแล้วหยุดแทบไม่ได้ ได้ความรู้เยอะ เทคนิคการทำธุรกิจที่ไม่ได้หาอ่านง่ายๆทั่วไป เป็นสิ่งที่กลั่นมาจากประสบการณ์การทำงานทั้งใน CP และการออกมาเป็นเถ้าแก่ผัดแหนมผัดหมูหยองในตลาด นำออกมาเขียนเฉพาะสิ่งที่สุดยอดจริงๆทั้งนั้น เป็นหนังสือธุรกิจเกรด A+ อีกเล่มหนึ่งครับ

สินค้าที่ใกล้เคียง (93 รายการ)

www.batorastore.com © 2024