คัมภีร์สู่ความสำเร็จ จากเด็กสลัมสู่ซีอีโอพันล้าน

คัมภีร์สู่ความสำเร็จ จากเด็กสลัมสู่ซีอีโอพันล้าน

3 รีวิว  3 รีวิว    
รหัสสินค้า: 9786167061825
ของหมด (ต้องการสินค้า)
ราคา: 195.00 บาท 175.50 บาท
ประหยัด: 19.50 บาท ( 10.00% )

รายละเอียด

หากคุณ คือ อีกคนหนึ่งที่มักตัดพ้อต่อว่าโชคชะตา กล่าวหาว่าโลกไม่เข้าข้าง ชีวิตนี้ไม่ยุติธรรม หรือเคยแม้สักครั้งที่นึกในใจว่าพวกมหาเศรษฐีเขาช่างโชคดีเสียจริง ลองมาสัมผัสชีวิตของชายคนนี่ที่เริ่มต้นจากระดับที่ต่ำกว่าศูนย์เกิดที่สลัม โตในสลัม แต่ไม่ยอมตายในสลัม พอทำธุรกิจก็ล้มแล้วล้มอีก เจ๊งแล้วเจ๊งอีก หมดตัวหลายรอบ แต่ไม่เคยหมดใจ อายุเฉียด 60 แล้ว ยังตกงาน มีแต่หนี้ท่วมหัว แต่ไม่เคยคิดว่าตัวเอง...แก่ ยอมแพ้ หรือท้อถอย ผ่านความล้มเหลวเป็นร้อยครั้ง แต่ไม่เคยล้มเลิกเลยสักครั้งเดียว เขานำพาชีวิตพุ่งทะยานมายืนแถวหน้ากลายเป็นซีอีโอพันล้านในวันนี้ได้อย่างไร? มาร่วมศึกษาคัมภีร์ชีวิตในหนังสือ "คัมภีร์สู่ความสำเร็จ จากเด็กสลัมสู่ซีอีโอพันล้าน" เล่มนี้ เพื่อเรียนรู้เคล็ดลับแห่งความสำเร็จที่จะทำให้คุณได้ก้าวผ่านความท้อแท้ในจิตใจ และมุ่งสู่จุดมุ่งหมายในชีวิต ที่ซึ่งทุกคนสามารถไปถึงได้เช่นกัน-แน่นอน
เรียบเรียงโดย "ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์"
 
224 หน้า
 
 
สารบัญ
1. โลกนี้ไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ
2. เกิดสลัม โตสลัม
3. นกที่ออกจากรังก่อนตัวอื่น
4. ภาพฝันในวัยเยาว์
5. การศึกษา บัตรผ่านไปสู่ชีวิตที่ดีกว่า
6. เริ่มต้นที่ชายฝั่งทะเล
7. อดีตเปลี่ยนไม่ได้ แต่อนาคตนั้นเลือกได้เสมอ
8. ลาก่อนสลัมสามยอด
9. วิธีคิด กำหนดชีวิต
10. สะสมต้นทุนความฝัน
 

รีวิว (3)

เขียนรีวิว

momolove | 3 รีวิว
28/02/2015

ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ซีอีโอระดับพันล้านที่ทุกย่างก้าวมนชีวิตเต็มไปด้วยขวากหนามและอุปสรรคแต่เค้าไม่เคยย่อท้อกลับกัดฟันสู่ไม่ถอยพร้อมรบในทุกสนามผมล่ะขอแสดงความนับถือท่านด้วยใจจริงท่านเป็นผู้ปลุกปั้นแบรนด์กาแฟเนเจอร์กิฟกาแฟลดน้ำหนักอันโด่งดังซึ่งกว่าจะมาประสบความสำเร็จอย่างที่ทุกคนเห็นท่านต้องระหกระเหินในการทำธุรกิจอยู่หลายอย่างอยู่นานแต่เพราะใจที่สู้ไม่ถอยอยากก้าวพ้นความลำบากประกอบกับที่ชีวิตท่านนั้นเกิดและเติบโตอยู่ในสลัมท่านจึงมีปณิธานแน่วแน่มากในการจะไปถึงความสำเร็จในชีวิตให้ได้แม้จะขาดทุนไปซะกี่ครั้งผมอ่านภาพรวมๆของหนังสือเล่มนี้ที่ดูแล้วมันคือชีวประวัติของท่านผมก็อดทึ่งไม่ได้ว่าคนเรานี้ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะตนต่อให้ฟ้าลิขิตให้เกิดมาจนเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะทำได้ฝันได้มีจุดมุ่งหมายได้นี่เป็นการจุดประกายไฟให้ผมเลยครับแง่คิดที่ได้จากการอ่านขนาดท่านยังกล้าได้กล้าเสียถ้าสินค้าเราดีจริงแล้วยังไงก็ต้องทำตลาดได้ดูจากที่กว่ากาแฟเนเจอร์กิฟจะติดตลาดก็ใช้เวลาอยู่นานท่านไปออกบูทจัดงานก็เยอะแต่เพราะมันดีจริงจนปากต่อปากบวกกับความซื่อสัตย์ต่อลูกค้าจึงทำให้ท่านก้าวหน้ามาในที่สุดถือเป็นต้นแบบให้กับชีวิตผมเลยครับผมชื่นชมคนสู้ชีวิตแบบมากและจะเก็บเอาแระสบการณ์และคมความคิดของท่านที่ได้จากการอ่านหนังสือเล่มนี้มาประยุกต์ใช้กับชีวิตประจำวันผมอาจมีวันดีๆเหมือนท่านได้บ้างก็ไม่แน่
paepae | 3 รีวิว
26/11/2014

ในทุกๆชีวิตของทุกคนใครๆก็ต้องอยากรวยอยากประสบความสำเร็จอยากมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแต่ว่าจะมีใครสักกี่คนที่สามารถทำฝันให้เป็นจริงได้คนที่กล้าฝันกล้าลงมือทำแม้ประสบความผิดหวังมานับครั้งไม่ถ้วนก็ยังไม่ถอดใจที่จะเลิกทำคนที่มีหัวใจแกร่งเข้มแข็งแบบนี้เราขอนับถือเลยอย่างท่านผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ดร.กฤษฎา จ่างใจมนต์ เราคิดว่าคงมีหลายคนที่รู้จักท่านและจะร้องอ๋อออกมาถ้าบอกว่าท่านคือเจ้าของกาแฟเนเจอร์กิฟอันโด่งดังใครที่เคยคิดว่าท่านคงเกิดมามีฐานะดีอยู่แล้วคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้ซึ่งท่านได้บอกเล่าช่วงชีวิตต่างๆรวมถึงความยากลำบากมากมายที่ต้องเผชิญกว่าจะมาร่ำรวยเป็นพันล้านได้อย่างทุกวันนี้ซึ่งพูดไปคงไม่มีใครนึกหรอกว่าชีวิตของท่านเจริญเติบโตอยู่ที่สลัมเรียกว่าชีวิตลำบากมากแต่เราก็ขอนับถือท่านจริงๆท่านเป็นคนที่มีความคิดอ่านกว้างไกลถึงแม้ท่านและครอบครัวจะอยู่สลัมแต่ท่านกลับดิ้นรนที่จะออกไปให้พ้นที่นั่นด้วยความหวังที่จะสร้างชีวิตใหม่และนำพาครอบครัวไปสู่สิ่งที่ดีกว่าทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับคนที่เริ่มต้นมาจากหลักศูนย์คือไม่มีทรัพย์สมบัติอะไรเหมือนคนอื่นเค้าโดยเฉพาะความคิดของท่านที่ไม่ยอมละทิ้งการศึกษาเป็นสิ่งที่เราเห็นด้วยและคิดว่าคนรุ่นใหม่ควรเอาเป็นแบบอย่างคนเราชีวิตจะจนหรือรวยก็อย่าทิ้งการเรียนหมั่นใฝ่หาความรู้อยู่เสมอถึงจะเอาตัวรอดได้ดีเพราะปัญญาก็เปรียบเสมือนอาวุธอย่างนึงเรามองว่าท่านคือแบบอย่างที่ดีคือความฝันที่เป็นจริงของคนมากมายที่สู้ชีวิตท่านทำธุรกิจแต่ก็ล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วนหนี้สินก็เยอะจวบจนอายุมากแล้วท่านก็ยังไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ยังสู้เพื่อสิ่งที่ฝันท่านมีวิธีคิดที่ทำให้ท่านมีไฟมีพลังอยู่เสมอความสำเร็จของท่านกว่าจะได้มาช่างเหน็ดเหนื่อยเหลือเกินถ้าเป็นเราคงท้อใจล้มเลิกความฝันไปนานแล้วก็ได้แต่เรื่องราวของท่านในวันนี้ก็ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เราอีกครั้งหากใครกำลังท้อใจเรื่องอะไรในชีวิตก็ตามเราคิดว่าหนังสือเล่มนี้คงช่วยให้คุณมีแรงฮึดสู้ได้อีกครั้งขอบคุณหนังสือเล่มนี้และท่านผู้เขียนที่ได้ทำให้เราเริ่มสะสมความฝันและลงมือทำอีกครั้ง
ภาสกร | 3 รีวิว
31/08/2013

หนังสือชีวิประวัติของนักธุรกิจเล่มนี้ต้องนับว่าเป็นสุดยอดแห่งหนังสือชีวประวัติอีกเล่ม ที่ผมยกให้อยู่ในระดับเดียวกับหนังสือของคุณตันเลยทีเดียว เพราะเขียนด้วยภาษาที่อ่านง่าย เป็นกันเองกับนักอ่าน แทรกมุขตลก(ซึ่งเป็นเรื่องทีผู้เขียนได้ทำผิดพลาด แต่ผู้เขียนได้เล่าแบบเหมือนกับเป็นเรื่องตลกไปซะงั้น ซึ่งอ่านไปอ่านมาทำให้อมยิ้มได้ตลอด ซึ่งบางเรื่องผมจะนำมากล่าวในภายหลัง) และมีเนื้อหาที่ละเอียดสุดๆ (ผู้เขียนได้เล่าอย่างละเอียดมากๆ รูปในหนังสือเล่มนี้ก็ไม่ค่อยมี ตัวหนังสือก็ขนาดไม่ใหญ่จนน่าเกลียด และมีเนื้อหาค่อนข้างเต็มพื้นที่หนังสือ ไม่เหมือนหนังสือบางเล่มที่ราคาก็แพงและเนื้อหาน้อยจนรู้สึกว่าซื้อมาเปลืองตังค์สุดๆ) โดยชื่อเรื่องหนังสือเล่มนี้คือ จากเด็กสลัม สู่ ซีอีโอพันล้าน นั้น ก็ไม่ได้เป็นการกล่าวเกินจริงเลย เพราะผู้เขียนนั้นได้ใช้ชีวิตในวัยเด็กในสลัมมาก่อนจริงๆและมีฐานะที่ยากจนมากๆ จนเขาได้เรียนจนจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัย และก็ได้เริ่มจากการเป็นลูกจ้างสักพักหนึ่งเพื่อที่จะศึกษาว่าเจ้าของธุรกิจนั้นต้องทำอย่างไรบ้างถึงจะสามารถทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จได้ และเนื่องจากว่าผู้เขียนนั้นได้มีความฝันในวัยเด็กว่าต้องเป็นเจ้าของธุรกิจให้ได้ และมีเงินมีทอง มีบ้านหลังใหญ่มีสวนกว้างขวางและมีรถยุโรป จึงกลายมาเป็นแรงผลักดันให้เขาต้องการทำธุรกิจในเวลาต่อมา ธุรกิจแรกๆของเขาก็คือสิ่งที่เกี่ยวกับวิชาที่เขาได้เรียนมาคือ การนำเข้าเครื่องมือทางวิศวกรรมต่างๆ โดยธุรกิจนี้ช่วงแรกๆทำให้เขาได้รับบทเรียนไปเยอะมากๆๆๆๆ เช่น ช่วงหนึ่งเขาได้ประมูลงานจากบริษัทหนึ่ง แล้วก็ได้ไปสั่งสร้างเครื่องจักรกับเถ้าแก่คนหนึ่งโดยที่การประมูลงานนั้นมีกำหนดเวลาที่แน่นอน และมีการทำสัญญาเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เขาไม่ได้ทำสัญญากับเถ้าแก่ แล้วทำให้ตามงานกับเถ้าแก่ลำบากมากๆ สุดท้ายก็ทำไม่ทันแถมยังไม่ได้ตามสเป๊กอีก ทำให้ก็ต้องเสียค่าปรับจนขาดทุนไปเลยในครั้งนั้น บทเรียนที่ได้จากงานครั้งนั้นก็คือการประมูลงานราชการนั้นถ้ามีเส้นสายน้อยต้องคิดให้มากๆ และถ้าสายป่านสั้นก็ต้องมองให้ยาวๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งที่เวลาผมอ่านไปถึงแล้วขำดังสุดๆ(เหมือนคนบ้าเลยนั่งอ่านหนังสือแล้วขำคนเดียว)คือตอนที่เขาได้นำเอาเครื่องตัดไฟเวลาไฟฟ้าลัดวงจรไปสาทิสให้ลูกค้าดู ตอนกำลังแสดงเครื่องตัดไฟไม่ทำงาน ผู้เขียนเลยโดนไฟดูดซะงั้น ฟังผมเล่าอาจไม่ขำ แต่ถ้าไปอ่านวิธีการเขียนของผู้เขียนแล้วเนี่ยอย่างฮาครับ ต้องลองไปอ่านดูเอง แล้วก็มีตอนที่ผู้เขียนได้ขอแฟนแต่งงาน ซึ่งตอนนั้นยังไม่มีตังค์ก็ได้ขอว่าที่ภรรยาว่า จะให้แหวนเก๊ก่อน ถ้ามีตังค์ค่อยเปลี่ยนมาเป็นแหวนจริง ซึ่งก็น่ารักมากๆ และถ้าคุณผู้อ่าน อ่านไปถึงแบบผมละก็อาจจะต้องมีได้ขำกันอีกแน่ๆด้วยสำนวนการเล่าเรื่องที่สนุกในแบบผู้เขียน มีเรื่องราวเกี่ยวกับการบริหารเงินในช่วงธุรกิจแรกๆของผู้เขียนคือ ช่วงแรกเขาจะต้องขายเชื่อแต่เวลาซื้อสินค้ามาขายต้องซื้อเงินสดทำให้บางทีมีปัญหาเรื่องขาดเงินมาก และเวลาจะไปกู้เงินก็ดอกแพง (ผู้เขียนเล่าว่าโดนดอกเดือนละ 3%) และเวลาไปขอเขากู้ก็โดนเล่นตัวทำเป็นไม่สนใจอีกต่างหาก เวลาหมุนเงินเนี่ยก็ต้องยอมเสียดอกเยอะๆ เพราะอย่างไรก็ตามเงินก็ต้องมีใว้ใช้จ่าย บางทีก็ต้องเอาเช็คไปขายลด จาก 100,000 บาทเอาไปขาย 90,000 บาท จากตรงนี้ผู้เขียนได้ให้บทเรียนว่า ต้องไม่สร้างหนี้เพื่อบริโภค แต่จะสร้างเพื่อทำธุรกิจเท่านั้น และยังบอกอีกว่า ถึงแม้เขาจะมีหนี้ แต่เขาจะไม่แตะต้องเงินกู้นอกระบบเลย (อยากรู้ว่าทำไมต้องลองซื้อมาอ่านดูครับอิอิ) เมื่ออ่านหนังสือเล่มนี้ไปเรื่อยๆก็พบว่าผู้เขียนเป็นคนทำงานถึงลูกถึงคนมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ศึกษาตำราคู่มือเครื่องจักรจนเข้าใจอย่างกระจ่างทั้งหมด และลงมือติดตั้งเอง ทำงานแบบเหนื่อยสุดยอดเลยทีเดียว ก่อนหน้าปี 40 นั้นสุดท้ายแล้วผู้เขียนได้จับธุรกิจตัวหนึ่งที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมาก็คือการขายเครื่องฟอกอากาศ ธุรกิจตัวนี้ได้ทำให้เขามีบ้านติดสนามกอล์ฟราคา 17 ล้านบาท และรถยุโรป(บีเอ็มซีรี่ส์7) และในตอนที่เขามีเงินก็ได้ใช้เงินไปซื้อที่ 500 ไร่ มาเพื่อสร้างเป็นรีสอร์ทขาย แต่พอถึงปี 40 ฟองสบู่ก็แตกและทำให้ธุรกิจเครื่องฟอกมีปัญหา ก็ต้องเอาไปขายเลหลัง และได้ผันไปทำธุรกิจการเกษตรอยู่พักใหญ่ๆ (ใช้พื้นที่ในไร่ 500 ไร่) โดยในช่วงนั้นก็ได้พยายามนำเอาที่ที่เขาได้พัฒนามาตัดแบ่งเป็นส่วนๆแล้วเอาไปขาย แต่ก็ขายแทบไม่ได้ ขายได้แค่ 2 แปลงเท่านั้นเอง ช่วงนั้นดูเหมือนอะไรก็แย่ไปหมด ธุรกิจที่เขาทำหลังปี 40 นั้นเปลี่ยนประเภทจากหน้าเป็นหลังมืออ่านแล้วก็ตลกดี คือก่อนฟองสบู่เขาทำงานทางด้านวิศกรรม เช่นนำเข้าเครื่องจักร หรือผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ แต่พอหลังปี 40 กลับกลายเป็นธุรกิจการทำสวนหรือการเกษตร เช่น ขายแก้วมังกร ขายลำใย ทำปุ๋ยขาย ผลิตอาหารเสริมกุ้งขาย ซึ่งแต่ละธุรกิจนั้นก็มีข้อจำกัดต่างๆนาๆรวมทั้งปัญหาอีกมากมาย สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จซักอย่าง ช่วงนี้นั้นผู้เขียนถังแตกต้องยืมเงินจากครอบครัวมาเพื่อทำธุรกิจแต่ละอย่างค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว ซึ่งภายหลังผู้เขียนก็ได้คืนเงินแก่พี่น้องไปทั้งหมด บางคนยืมมาถึง 6 ล้านเลยทีเดียวทำให้ภายหลังผู้เขียนกล่าวว่างงมากว่าไปเอาเงินมาให้ยืมจากที่ไหนหว่า - -" หลังจากนั้นก็ได้มาทำเป็นธุรกิจขายตรงผลิตภัณฑ์ต่างๆ(หนึ่งในนั้นมีกาแฟ) ซึ่งธุรกิจนี้ก็มีเรื่องฮาอีกแล้ว (แต่น่าสงสาร) คือธุรกิจขายตรงปรกติแล้วต้องมีการจัดสัมมนาเพื่อรับคน ผู้เขียนก็ได้จองโรงแรมใว้ทั่วกรุงเทพ และลงโฆษณาว่ามีสัมมนาขายตรง วันแรกที่โรงแรมแรกก็จองห้องใว้ 30 คนแต่มีคนมา แค่3 คน ก็จบไป พอมาวันที่ 2 ที่โรงแรมอีกที่ ก็มีคนมา 2 คนซึ่งผู้เขียนได้ถามว่ามาจากไหนกัน 2 คนนั้นบอกว่ามาจากบริษัทขายตรงอื่นจะมาสำรวจคู่แข่ง (เวรกรรม -*-) ซึ่งธุรกิจนี้ก็เริ่มซาลงไป ต่อมาเขาได้เริ่มทำตลาดกาแฟลดน้ำหนักโดยการนำไปเปิดบูธขายที่งานเกษตรแฟร์ซึ่งก็ต้องเช่าบูธหลายหมื่นอยู่ แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอีก อาจจะเพราะราคาแพงหรือเพราะอะไรก็ไม่ทราบ (ขาย 25 บาท ลูกค้าก็เดินไปซื้อน้ำอัดลมที่ร้านต่อไป ราคา 10 บาท)ก็ขาดทุนอีก (จะเจ๊งซักกี่รอบเนีั่ยๆๆๆๆๆ) และแล้วจุดเปลี่ยนก็มาถึงโดยอยู่ที่มีคนหนึ่งมานำสินค้าไปวางจำหน่ายใว้ที่จังหวัดๆหนึ่งในประเทศไทย แล้วปรากฎว่าขายดีมากๆ แล้วที่สำคัญกว่านั้นมีการบอกปากต่อปาก ทำให้สินค้ากาแฟลดน้ำหนักติดตลาดในต่างจังหวัดบางจังหวัดก่อน โดยที่ผู้เขียนแทบไม่ได้ใช้งบโฆษณาเลยแม้แต่น้อย หลังจากนั้นก็ทำให้เหมือนเกิดโรคติดต่อ แต่เป็นโรคติดกาแฟลดความอ้วนนั่นเอง ยอดขายก็พุ่งทะยานขึ้นเรื่อยๆ ผู้เขียนและครอบครัวทำงานกันแทบไม่ทัีนจนต้องซื้อเครื่อจักรมาให้อีกหลายเครื่อง และก็ต้องสร้างโรงงานที่ 2 ที่ 3 เพิ่มขึ้นภายในระยะเวลาเพียงไม่นาน และเมื่อมีกำไรก็นำไปโฆษณาทางโทรทัศน์ได้อีก ก็ยิ่งทำให้ยอดขายยิ่งโต และนี่ก็คือเรื่องราวของความสำเร็จของ ดร กฤษฎา จ่างใจมนต์ และครอบครัวที่ได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่้างโชคโชนครับ ผมยกให้หนังสือเล่มนี้มีครบทุกรสชาติเลยทีเดียว คือชีวประวัติของเขาผู้นี้ไม่ได้มีแต่เรื่องราวของความสำเร็จเต็มไปหมด แต่กลับเต็มไปด้วยความผิดพลาดอย่างมากมาย (ก่อนจะมาประสบความสำเร็จในภายหลัง) อย่างไม่น่าเชื่อว่าคนเราจะมีความอดทนกับความผิดพลาดได้เยอะถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะพลาดกี่ครั้งเขาก็สามารถลุกกลับขึ้นมาสร้างตัวใหม่จนกลับมายิ่งใหญ่กว่าเดิมได้ทุำกครั้ง จน รวย จน รวย และครั้งนี้ก็น่าจะเป็นการกลับมายิ่งใหญ่อย่างมั่นคงกว่าเดิมอย่างมาก เนื่องจากประสบการณ์ความผิดพลาดทุกอย่างได้ถูกเรียนรู้และสร้างให้ผู้เขียนกลายเป็นนักธุรกิจที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากที่สุดคนหนึ่งในเมืองไทยครับ

สินค้าที่ใกล้เคียง (95 รายการ)

www.batorastore.com © 2024